ดร.สมเกียรติ แนะทบทวน พรบ.คอมพ์

ปี2016-06-14

แนะควรถอยรอดูบทเรียนต่างประเทศ
สมเกียรติ” วอน สนช. ดูความเหมาะสมก่อนประกาศกฎหมายใหม่ แนะหากไปละเมิดสิทธิของประชาชนโดยกระบวนการที่ไม่เป็นนิติรัฐเป็นเรื่องไม่ควร ชี้ห่วงมาตรา 20 วรรค 4 ให้อำนาจคณะกรรมการเสนอบล็อกเว็บได้ อาจทำลายสมดุลกฎหมาย

DSC080151
ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ประธานทีดีอาร์ไอ

ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวถึงการจัดทำร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดที่เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของกรรมาธิการวิสามัญ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ว่าการออกกฎหมายคอมพิวเตอร์เป็นกฎหมายที่ประเทศใดจะออกก็ได้ แต่ละประเทศไม่จำเป็นต้องเขียนให้เหมือนกัน แต่เมื่อเราอยู่ในโลกยุคปัจจุบันที่มีการทำธุรกิจการค้าเชื่อมโยงกันด้วยอินเทอร์เน็ต มีความจำเป็นว่าการออกกฎหมายต้องพิจารณาถึงพัฒนาการและกฎหมายลักษณะเดียวกันของประเทศที่ได้ออกกฎหมายแบบนั้นมาก่อน

อย่างไรก็ดี การพิจารณาดูทิศทางของกฎหมายของต่างประเทศเป็นเรื่องสำคัญ ไทยเป็นประเทศเล็กควรดูทิศทางของประเทศที่มีการคุ้มครองประชาชนดีกว่า โดยตัวกฎหมายว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์เป็นเรื่องของการสร้างสมดุลระหว่างการคุ้มครองรัฐ และคุ้มครองประชาชนไม่ให้ถูกโจมตี หรือถูกใครมาทำความผิด ขณะเดียวกันต้องดูด้วยว่าการออกกฎหมายหากไปละเมิดสิทธิประชาชนโดยกระบวนการที่ไม่เป็นนิติรัฐเป็นเรื่องที่ไม่ควรมี เพราะจะเป็นปัญหาในอนาคต ไม่ส่งเสริมเสรีภาพ

“กรณีแบบนี้ควรดูต่างประเทศที่เป็นนิติรัฐเข้มแข็งกว่าไทย ควรรอดูจนเขามีข้อสรุปและบทเรียนกันแล้วเราจึงออกกฎหมาย ควรรอดูมาตรฐานที่เกิดขึ้นในยุโรปหรือสหรัฐแล้วมากำหนดเป็นมาตรฐานที่จะใช้ในบ้านเราว่าควรเป็นอย่างไร” ดร.สมเกียรติ กล่าว

ดร.สมเกียรติ กล่าวอีกว่า เป็นห่วงมาตรา 20(4)ว่าด้วย (ข้อมูลทางคอมพิวเตอร์ที่แม้ไม่มีความผิดตามกฎหมายแต่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชนคณะกรรมการกลั่นกรองข้อมูลทางคอมพิวเตอร์มีอำนาจสั่งระงับเผยแพร่หรือสั่งลบข้อมูลทันที ทำให้ถูกตั้งคำถามถึงที่มาของคณะกรรมการว่าเป็นกลางในการทำหน้าที่เพียงใด และมาตรานี้จะเป็นการปิดกั้นสิทธิเสรีภาพในการสื่อสารของประชาชน หรือไม่ โดยได้เสนอทางออกให้กรรมาธิการบัญญัติให้ชัดไปเลยว่าเรื่องใดเป็นความผิด) ที่ให้อำนาจคณะกรรมการพิจารณาความผิดว่าขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีแล้วปิดกันเว็บไซต์ได้ เท่ากับการปิดกั้นสิทธิเสรีภาพในการสื่อสารของประชาชน

อีกทั้ง ในมาตรานี้เหมือนเป็นการสร้างบรรทัดฐานใหม่ให้อำนาจเจ้าหน้าที่ในการปิดบล็อกเว็บไซต์ได้ ต้องไม่ลืมว่าประชาชนมีสิทธิเสรีภาพในการสื่อสารตามรัฐธรรมนูญ การให้อำนาจเจ้าพนักงานปิดบล็อกเว็บไซต์ได้ โดยกฎหมายเขียนไว้แค่ว่า กฎหมายไม่ได้บอกว่าผิด แต่กรรมการชุดหนึ่งเห็นว่าขัดต่อความสงบเรียบร้อยสามารถปิดกั้นได้ ทางออกควรบัญญัติให้ชัดเลยว่า เรื่องใดเป็นเรื่องที่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน ทำแบบนี้จะได้มีกระบวนการตรวจสอบถ่วงดุลระดับหนึ่ง ไม่ใช่ให้ไปฝากไว้เป็นอำนาจศาลให้เป็นภาระที่ศาลที่ต้องวินิจฉัย เพราะการตัดสินของศาลย่อมตัดสินไปตามอุดมการณ์ แนวคิด ค่านิยมของผู้พิพากษาในคดีนั้น ตัวเองเห็นว่าไม่ใช่วิธีการที่เหมาะสม

“รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุด ถ้าจะปิดกั้นสิทธิเสรีภาพประชาชนต้องห้ามด้วยข้อกฎหมายที่มาจากกฎหมายที่สูงสุด สามารถตรวจสอบได้ชัดเจน ไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ร่างนี้ไม่ได้ห้ามด้วยตัวกฎหมายแต่ไปห้ามโดยเจ้าหน้าที่ซึ่งไปขออำนาจศาลจึงไม่ถูกต้อง” ดร.สมเกียรติ กล่าว

ประธานทีดีอาร์ไอ กล่าวสรุปว่า การออกกฎหมายที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีเป็นเรื่องยากมาก โดยเฉพาะร่างกฎหมายฉบับนี้เพราะต้องรักษาสมดุลของความมั่นคงและสิทธิเสรีภาพของประชาชน และต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของระบบ เป็นการยากที่จะหาสมดุลที่พอเหมาะ เพราะสมดุลไม่ได้หยุดนิ่ง การรักษาสมดุลของกฎหมาย นอกจากต้องรักษาสมดุลระหว่างสิทธิเสรีภาพของประชาชนและความมั่นคง ต้องคำนึงถึงภาพลักษณ์ประเทศที่จะออกไป ที่ผ่านมาประวัติการใช้กฎหมายการกระทำความผิดทางคอมพิวเตอร์ไม่เป็นที่ชื่นชอบชอบของต่างประเทศการไปเพิ่มความเข้มงวดในกลไกการบังคับใช้กฎหมายเป็นความเสี่ยงทำให้ภาพลักษณ์ถดถอยลงไป

“อยากให้กมธ.และสนช.ใช้ความระมัดระวังออกกฎหมายให้มากเป็นพิเศษ มีความเสี่ยงทุกครั้ง ที่ออกกฎหมายลักษณะนี้ ความเสี่ยงเกิดจากคนกลุ่มหนึ่งเห็นว่ามีการกระทำบางอย่างในระบบ คอมพิวเตอร์ที่ไม่เป็นที่ถูกอกถูกใจตน จึงอยากให้การกระทำนั้นเป็นการผิดกฎหมายและความเสี่ยงที่กฎหมายบัญญัติให้เป็นความผิดแล้วให้เกิดกระบวนการบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งในไทยกระบวนการบังคับใช้กฎหมายมักมีปัญหามาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เมื่อตัวมันเองเป็นปัญหาทำให้เกิดปัญหามันก็รักษาสมดุลไม่ได้ จึงอยากให้ถอยไปตั้งหลักอย่าไปเสี่ยงบังคับที่เข้มงวดแล้วใช้กฎหมายอย่างผิดพลาด กฎหมายคอมพิวเตอร์ฉบับนี้ถ้าออกมาในลักษณะกำกวมไม่ชัดเจน จะเสี่ยงต่อการละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชน ทำให้ประชาชนที่บริสุทธิ์กลายเป็นคนผิดได้” ดร.สมเกียรติ กล่าว


หมายเหตุ เผยแพร่ครั้งแรกในหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ เมื่อ 14 มิถุนายน 2559 ในชื่อ: ทีดีอาร์ไอ วอน’สนช.’ ทบทวนพรบ.คอมพ์