อัมมาร:”รัฐบาลพังไม่แคร์ แต่ห่วงประเทศจะพังเพราะจำนำข้าว”

ปี2012-10-29

“อัมมาร”ชี้รัฐบาล พังไม่แคร์ แต่ห่วงประเทศชาติจะพังเพราะจำนำข้าว ประเมินนโยบายช่วยชาวนาจนแค่ 18% และจะทำให้อุตสาหกรรมข้าวพังไปด้วย

สมัยคุณทักษิณก็มีจำนำข้าว แต่ตอนนั้นท่านยังไม่เหลิง มาครั้งนี้ทุ่มเต็มที่ไม่ทราบว่าเพื่อจะกลับบ้านได้หรืออย่างไร

ดร.อัมมาร สยามวาลา นักวิชาการเกียรติคุณ จาก สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย ให้สัมภาษณ์พิเศษกับ”กรุงเทพธุรกิจทีวี”เกี่ยวกับนโยบายการจำนำข้าวของ รัฐบาลที่กำลังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันในวงกว้าง ว่า โครงการจะก่อให้เกิดความเสียหายอย่างมหาศาลกับงบประมาณของประเทศ ขณะที่รัฐบาลยืนยันว่าโครงการเป็นประโยชน์และจะเดินหน้าต่อไป ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าจะเสียหายปีละ 1 แสนล้านบาทขณะที่กระทรวงการคลัง ประเมินจะเสียหายแค่ 4.5 หมื่นล้านบาทเท่านั้น

ดร.อัมมาร กล่าวว่า มองภาพใหญ่ในเรื่องนโยบายข้าว หากไม่ดูเรื่องคอร์รัปชัน ต้องเห็นภาพว่าในระยะยาวคนไทยเองกินข้าวเป็นปริมาณน้อยลงทุกปีๆ โดยคนไทยเริ่มพิถีพิถันข้าวคุณภาพข้าวดีขึ้นไปเรื่อยๆ ข้าวหอมมะลิเกือบจะเป็นอาหารหลัก อันนี้มันไม่ใช่เป็นปรากฏการณ์เฉพาะของประเทศไทย แต่เหมือนกับประเทศอื่นๆ ในเอเชีย เป็นประเทศที่มีอัตราการขยายตัวของเรื่องรายได้สูง บริโภคปริมาณข้าวน้อยลง แต่เน้นคุณภาพมากขึ้น

ฉะนั้นการที่เราเป็นประเทศที่ผลิตข้าวเป็นจำนวนมากแล้ว ก็ประมาณครึ่งหนึ่งส่งออก ถ้าหากเราไม่งี่เง่าเอง ที่ไม่ยอมส่งออก รัฐบาลนี้ซึ่งฟังทีไรแล้วเสียใจมากที่ไม่ยอมส่งออก

“ยอมรับว่าแปลกใจมาก ที่รัฐบาลหวังว่าจะเก็บสต็อกไว้และราคาจะขึ้น กรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ระบุว่าอีก 2-3 ปีราคาข้าวในตลาดโลกจะปรับขึ้นตามประเทศไทยนั้น ทำไม ในหมู่รัฐบาลเอเชียด้วยกันทั้งหลาย ซึ่งเป็นแหล่งบริโภคข้าวใหญ่และค้าข้าว ทำไมมีคุณทักษิณคนเดียวที่คิดแบบนั้น คนอื่นไม่ได้คิดตาม เราก็ไม่ต้องเสียเงินเยอะ ”

ส่วนกรณีที่จะร่วมมือเวียดนามค้าข้าวนั้น ดร.อัมมาร ระบุว่า นโยบายข้าวของประเทศไทยในรัฐบาลนี้ มีความงี่เง่าหลากหลายมาก มันมีหลายประเด็น หลายมิติ บางคนก็บอกว่าไทยไม่ส่งข้าวออกจำนวนมาก ราคามันก็ขึ้น ปีที่ผ่านมาก็พิสูจน์แล้ว ข้าวเราหายไป 5 ล้านตัน อยู่ในสต็อกรัฐบาล 10 ล้านตัน ราคาในตลาดโลกมันไม่กระเพื่อมแล้ว ถ้าส่งออกทั้ง 10 ล้านตัน ราคาอาจจะลดลงมาด้วยซ้ำ การดึงข้าวออกเนี่ย มันไม่ได้ช่วยอะไรเลย

“ส่วนการตั้งสมาพันธ์ผู้ค้าข้าวอาเซียนนั้น เป็นเรื่องที่งี่เง่าที่สุด ในบรรดาไอเดียงี่เง่า แต่เพื่อจะไม่ถากถางคุณทักษิณมากเกินไป ความงี่เง่าอันนี้มันมีมาก่อนคุณทักษิณ โดยนักการเมืองเกือบจะทุกคนฝันว่าจะเป็นโอเรค แทน โอเปค แต่โอเปคดันราคาน้ำมันขึ้นได้ โดยจำกัดปริมาณ แต่ก็เบี้ยวกันตลอด แต่โอเปคมีซาอุดีอาระเบียเป็นคนอุ้ม ลดการผลิตของตัวเองมากกว่าคนอื่น แต่น้ำมันมีลักษณะพิเศษคือเวลาลดการผลิตมันก็เหมือนเก็บสต็อกเอาไว้ในดิน เก็บไว้เท่าไรก็ได้แล้วต่อรองได้ แต่ข้าวมันมีคนผลิตมาเรื่อยๆ เก็บไว้ในที่นามันก็ไม่ได้ เก็บไว้ในโกดังมันก็เสีย มันก็เน่า มันก็บูด ”

เหมือนอย่างข้าวของคุณทักษิณ ที่คุณทักษิณจำนำสมัยท่านเป็นนายกฯ มันก็เน่า มันก็บูดมาเยอะแยะ จนกระทั่งทางองค์การคลังสินค้า (อคส.) ไม่สามารถปิดบัญชีได้ก็เพราะข้าวมันหายไปบ้าง บูดไปบ้าง อะไรไปบ้าง ของแบบนี้เนี่ยผมคิดว่านี่เป็นเรื่องที่ควรจะเลิกได้แล้ว

“เวลานี้เรา ไปคุยกับเวียดนาม เวียดนามเขาอยากแข่งกับเรา แล้วเราจะคุยกับเวียดนาม ให้เขาจำกัดการส่งออก ขณะที่เราเก็บข้าวเอาไว้ เก็บข้าวเอาไว้ เราเอาหน้าอะไรไปขอเขาละ บอกให้เขาลดการผลิต เขาไม่ได้อะไร เรามีอะไรให้เขาละ นอกจากบอกให้เขาผลิตน้อยลง เราจะเอาเงินงบประมาณของประเทศไทยไปซื้อข้าวในเวียดนาม เก็บเอาไว้หรือ รัฐบาลไทยต้องบากหน้าไปเวียดนามบอกขอซื้อข้าวของยู เก็บเอาไว้เลยต้องทำอย่างนั้น ใจถึงไหมเพราะฉะนั้นโอเรคจึงเป็นเรื่องเหลวไหล”

ดร.อัมมาร กล่าวว่า ผมเสียดายมากที่สุดเพราะไทยกำลังทำลายอุตสาหกรรมข้าว ที่เป็นเบอร์หนึ่งในด้านราคาที่ด้วยคุณภาพข้าวที่ดี ที่บรรจงสร้างกันมา

“ทั้ง เกษตรกร ชาวนา พ่อค้าคนกลาง ที่ชอบด่าว่าชอบกดราคา ช่วยกันคัดกรองคุณภาพกันมา ไม่เคยเห็นใครจู้จี้เท่ากับคนไทยลองไปดูแม้กระทั่งร้านแบกะดิน คุณภาพของอาหารเรากินได้ แต่แบกะดินฝรั่งกินไม่ได้ เรามีมาตรฐานสูง คุณภาพข้าวหอมของเรา เพียงสู้บาสมาติไม่ได้นอกนั้นเรากินขาด แม้กระทั่งข้าวธรรมดาก็ดีกว่าข้าวธรรมดาของเวียดนาม ในทุกระดับเราได้พรีเมียม แล้วธุรกิจการส่งออก เขาจะถนอมคุณภาพ ”

ส่วน กรณีวาทกรรมชาวนาทุกคนจน แล้วขึ้นชื่อว่าชาวนา หากินแต่ข้าวอย่างเดียว นั้น ตนมีข้อมูลว่าชาวนาเป็นจำนวนมากเกือบกว่า 40% จนจริง จนในที่นี้หมายความว่าระดับรายได้ของเขาเท่ากับ 30% ล่างของรายได้ของคนทุกคน เอามาเรียงกัน 30% ล่างของสังคมไทย ชาวนาจะอยู่ในระดับนั้น ประมาณ 47% ของชาวนาทั้งหมด ที่รัฐบาลทุ่มเทไปตกอยู่กับเขาแค่ 18% ขณะที่ชาวนารวยได้มากกว่า 40% เกินเป้าหมายหลักในการช่วยคนจน

“ต้องมานั่งทบทวนดูถ้าคุณจะช่วยคนจน คุณยอมเสียเงินไปให้พวกคนรวยกับเงินพวกนี้ทำไม ถ้าคุณสามารถดึงดูดจากเงินพวกนี้ลงมาให้กับคนจนมากขึ้น อาจช่วยคนจนได้ดีกว่า โดยวิธีการอื่นที่ไม่ต้องจำนำ ซึ่งนโยบายนี้เป็นนโยบายช่วยราคาข้าว ไม่ได้ช่วยคนจน”

นอกจากนี้ยังมี การรั่วไหล คอร์รัปชันต่างๆ ซึ่งก็มีการกล่าวหากันมาเยอะแยะ แล้วยังไม่มีวี่แววว่าลดลง สัดส่วนของเงินตกแก่ชาวนาน้อยมาก อันนี้เรายังไม่เห็นการรั่วไหลในระดับส่งออก ส่วนสำคัญที่คนโกง จะได้เป็นกอบเป็นกำอยู่ในระดับส่งออก

“คิดว่าความคิดของคนในรัฐบาลก็ คือว่าเขาจะได้คะแนนเสียงอย่างไร แล้วก็คราวที่แล้วคะแนนเสียงก็ได้จากชาวนา เพียงแต่ประกาศว่าจะให้ 15,000 บาท ก็ได้คะแนนเสียงมาอย่างที่เห็น รัฐบาลไม่ได้สนใจ ไม่ได้มอง แม้กระทั่งวิธีการโดยการซื้อข้าวเอามาดองเอาไว้ ก็ฝันหวานว่าราคาจะดีขึ้นในอนาคตเพราะโลกจะวิบัติ ถ้าคิดอย่างนั้นจริงๆ อยากให้ใช้เงินส่วนตัวมาซื้อข้าวจากประเทศไทย ผมจะสนับสนุนเต็มที่ให้รัฐบาลขายขาดทุนให้กับคุณทักษิณ แต่ทุกคนจ่ายภาษีแล้ว จะเอามาป้อนความฝันคุณทักษิณทำไม ”

ทั้งนี้ หากยังดำเนินโครงการต่อไปจะเกิดปัญหากับการคลังของประเทศ โดยเวลานี้ขาดทุนปีละแสนล้าน ตัวเลขของพวกเราไม่ได้ฝันเหมือนอย่างคุณทักษิณ คิดว่า 4 ปีก็จะขาดทุน 4 แสนล้าน ไม่ใช่ขาดทุนอย่างเดียว รัฐบาลกำลังซื้อข้าวมาเก็บเอาไว้ ค่าดอกเบี้ย ค่าเก็บปีต่อปี เพราะฉะนั้นเราก็เลยไม่รู้ว่าดอกเบี้ย จะเป็นเท่าไร ค่าเสื่อม ค่าดอกเบี้ย อะไรต่างๆ

ที่สำคัญขณะนี้ยังไม่เห็นรัฐบาลทำอะไรจริงจังในด้านการขาย นอกจากโม้ว่ามีจีทูจี 7 ล้านตัน ซึ่งไม่เคยเห็นว่ามีการขายออกไปจริง โดยรัฐบาลพยายามพูดอย่างนั้นมานานแล้ว แต่ยังไม่เห็นข้าวออกไปจากโกดังของรัฐบาล ก็ไม่มีใครเห็นออกไปจากรัฐบาลไปถึงท่าเรือ แล้วก็ส่งออกไป มีแต่โม้กันทั้งนั้น

“ถ้าเราควักกระเป๋า 4 แสน 5 แสนล้าน ขาดทุนทุกปี และก็ไม่ยอมขาย ผลต่อการคลังมันก็มหาศาล มันอยู่ที่เขาจะขายด้วยหรือเปล่า ทันทีที่เขาขายมันก็จะมีอีกปัญหาหนึ่งตามมา คือราคาก็จะตก”

ดร.อัมมาร กล่าวต่อว่า ความจริงนโยบายจำนำข้าวสมัยคุณทักษิณก็มีการจำนำข้าว แต่ตอนนั้นท่านยังไม่เหลิง แต่มาครั้งนี้ท่านทุ่มเต็มที่ ไม่ทราบว่าเพื่อจะกลับบ้านได้หรืออย่างไร แต่ว่าท่านทุ่มเต็มที่

ส่วนจะแนะนำอย่างไรในการถอย หรือว่าจะให้เลิก หรือว่าจะให้ปรับปรุงนโยบายอย่างไรที่ไม่ให้เกิดปัญหากับอุตสาหกรรมข้าวไทย ไม่ให้เกิดปัญหากับงบประมาณแผ่นดิน ภาคการคลังนั้น ดร.อัมมาร กล่าวว่า ผมไม่ถือว่าเป็นหน้าที่ต้องแนะนำคนโง่ ถ้าคนโง่เดินสวนเข้ามาแล้ว และคิดว่าตัวเองฉลาด ก็แก้ปัญหาเองซิ เขาบอกเขาฉลาดไปหมดทุกอย่าง คุณก็เก็บข้าวไป 3-4 ปีสิ แต่เอาเงินคุณเอง

“ผมพูดจนคอแห้งเขาก็ไม่ ฟังผม แต่ผมต้องการสิ่งเดียวที่จะทำให้รัฐบาลฟัง ก็คือเมื่อประชาชนเริ่มโวยว่าอันนี้เป็นการสูญเสีย ทำให้สูญเปล่า และพวกที่อยู่ในกระบวนการผลิตข้าวตั้งแต่ชาวนาถึงโรงสีถึงผู้ส่งออก ทุกคนในระยะยาวจะเสีย เพราะโครงการนี้กำลังทำให้อุตสาหกรรมข้าวของเราพัง อ.วีรพงษ์ (รามางกูร)บอกว่าทำให้รัฐบาลพัง แต่ในการทำให้พังเนี่ย เขากำลังทำให้อุตสาหกรรมข้าวพังไปด้วย รัฐบาลพังเนี่ยผมไม่แคร์ มันไม่ใช่หน้าที่ผมต้องเป็นห่วง ไม่ได้โหวตให้ท่านอยู่แล้ว แต่ที่ผมห่วงคือประเทศชาติจะพังเพราะนโยบายจำนำข้าว”

ดร.อัมมาร กล่าวทิ้งท้ายว่า โครงการจำนำข้าวเป็นยิ่งกว่าแย่ คือ โง่ มันต้องรอให้พัง อันนี้เป็นเดิมพันใหญ่มากที่รัฐบาลเล่นอยู่

——————————————————–

ตีพิมพ์ครั้งแรกในหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ, 29 ตุลาคม 2555, “อัมมาร:”รัฐบาลพังไม่แคร์ แต่ห่วงประเทศจะพังเพราะจำนำข้าว