สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ)
งานเสวนาสาธารณะทีดีอาร์ไอในหัวข้อ “เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท ลงทุนอย่างไรให้โปร่งใส และมีประสิทธิภาพ: นโยบายของรัฐและบทบาทของประชาสังคม” ภายใต้โครงการวิจัย “คู่มือประชาชนรู้ทันคอร์รัปชั่น” คณะผู้วิจัยได้นำเสนอผลการศึกษาเบื้องต้นในหัวข้อ “ถอดบทเรียนคอร์รัปชั่นสู่โครงการลงทุนที่โปร่งใส” โดยชี้ให้เห็นถึงปัญหาคอร์รัปชั่นในการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ว่า คอร์รัปชั่นจะส่งผลให้การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเป็นไปอย่างไม่มีประสิทธิภาพ เกิดความไม่คุ้มค่าทางเศรษฐกิจ และอาจนำไปสู่ปัญหาหนี้สาธารณะในระดับสูงได้ นอกจากนี้ ปัญหาคอร์รัปชั่นยังเป็นการเพิ่มค่าใช้จ่ายภาครัฐในการบำรุงรักษาโครงสร้างพื้นฐาน และเบียดเบียนงบประมาณในการใช้จ่ายของรัฐในประเด็นอื่น ๆ อีกด้วย
ทั้งนี้ คณะผู้วิจัยได้นำเสนอกรณีศึกษาปัญหาคอร์รัปชั่นในอดีตเพื่อนำไปสู่ข้อเสนอแนะโครงการลงทุนที่โปร่งใส อาทิเช่น กรณีศึกษา King Power Duty Free กรณีศึกษาโรงไฟฟ้าบางคล้า กรณีศึกษาศูนย์กลางระบบขนส่งมวลชนทางบกบริเวณสถานีขนส่งหมอชิตเดิม กรณีศึกษาโรงบำบัดน้ำเสียคลองด่าน กรณีศึกษาสัปทานทางด่วนขั้นที่ 2 กรณีศึกษาโฮปเวลล์ และกรณีศึกษาเรือขุดหัวสว่าน โดยคณะผู้วิจัยนำเสนอข้อเสนอเพื่อป้องกันปัญหาคอร์รัปชั่นว่า (1) ควรมีการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ (Feasibility Study) อย่างมีคุณภาพและน่าเชื่อถือ (2) ควรมีการสร้างธรรมาภิบาลในโครงการลงทุน และ (3) ควรมีการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อเพิ่มความรัดกุมในการลงทุนมากขึ้น
***************************************************************************************
คณะผู้วิจัยโครงการ “คู่มือประชาชนรู้ทันคอร์รัปชั่น” ของสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ได้นำเสนอผลการศึกษาเบื้องต้นในหัวข้อ “ถอดบทเรียนคอร์รัปชั่นสู่โครงการลงทุนที่โปร่งใส” โดยชี้ว่า ปัญหาคอร์รัปชั่นเป็นปัญหาเรื้อรังในระบบเศรษฐกิจและสังคมไทยมาเป็นเวลานาน รูปแบบการคอร์รัปชั่นมีความซับซ้อนมากขึ้นเป็นลำดับ ยุทธศาสตร์ในการต่อต้านคอร์รัปชั่นจึงจำเป็นต้องมีการปรับเปลี่ยน จากแบบเดิมที่เน้นการใช้กฎหมายซึ่งเป็นระบบ “จากบนลงล่าง” (top down approach) เป็นระบบ “จากล่างขึ้นบน” (bottom up approach) ซึ่งหมายความว่า การต่อต้านคอร์รัปชั่นจะต้องมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันจากภาคธุรกิจ สื่อมวลชน นักวิชาการและภาคประชาสังคม
สาเหตุที่ประชาชนควรให้ความสำคัญต่อการติดตามและตรวจสอบเรื่องคอร์รัปชั่นในโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ เนื่องจาก
- คอร์รัปชั่นทำให้การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเป็นไปอย่างไม่มีประสิทธิภาพ ในบางกรณีอาจทำให้โครงการไม่สามารถเกิดขึ้นได้จริง
- คอร์รัปชั่นทำให้การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานไม่คุ้มค่าทางเศรษฐกิจ และอาจนำไปสู่ปัญหาหนี้สาธารณะในระดับสูง
- คอร์รัปชั่นเพิ่มค่าใช้จ่ายภาครัฐในการบำรุงรักษาโครงสร้างพื้นฐาน
- คอร์รัปชั่นเบียดบังงบประมาณในการใช้จ่ายภาครัฐในประเด็นอื่นๆ เช่น การศึกษา การสาธารณสุข ฯลฯ
- คอร์รัปชั่นเพิ่มต้นทุนให้แก่ประชาชน เนื่องจากสาธารณูปโภคที่มีคุณภาพต่ำ
จากเหตุผลข้างต้นจะเห็นได้ว่า ปัญหาคอร์รัปชั่นส่งผลกระทบในวงกว้างและมีผลระยะยาวต่อการพัฒนาประเทศ คณะผู้วิจัยจึงนำเสนอตัวอย่างกรณีศึกษา 7 กรณี ดังนี้
ตัวอย่างกรณีศึกษา |
รายละเอียด |
1. King Power Duty Free
|
|
2. โรงไฟฟ้าบางคล้า |
|
3. ศูนย์กลางระบบขนส่งมวลชนทางบกบริเวณสถานีขนส่งหมอชิตเดิม |
|
4. โรงบำบัดน้ำเสียคลองด่าน |
|
5. สัปทานทางด่วนขั้นที่ 2 |
|
6. โฮปเวลล์ |
|
7. เรือขุดหัวสว่าน |
|
จากกรณีศึกษาข้างต้น คณะผู้วิจัยประมาณความเสียหายจากโครงการลงทุนที่ไม่เกิดขึ้นจริง 4 กรณี รวมกันสูงถึง 3.8 หมื่นล้านบาท หรือเทียบเท่ากับมูลค่าโครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดงอ่อน ช่วงบางซื่อ-พญาไท-มักกะสัน-หัวหมากและสายสีแดงเข้ม ช่วงบางซื่อ-หัวลำโพง รวมกัน ความเสียหายดังกล่าวประกอบด้วย (1) เงินชดเชยการลงทุนให้แก่คู่สัญญาในโครงการศูนย์กลางระบบขนส่งมวลชนทางบกบริเวณสถานีขนส่งหมอชิตเดิม – รวมกว่า 1.1 พันล้านบาท (2) งบประมาณที่ลงทุนในโครงการโรงบำบัดน้ำเสียคลองด่าน – รวมกว่า 2.3 หมื่นล้านบาท (3) ค่าจัดจ้างต่อเรือขุดหัวสว่าน – รวมกว่า 2 พันล้านบาท และ (4) เงินชดเชยในโครงการโฮปเวลล์ – รวมกว่า 1.2 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ คณะผู้วิจัยได้นำเสนอข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันปัญหาคอร์รัปชั่นและเพิ่มความโปร่งใสและประสิทธิภาพให้แก่โครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ ดังนี้
1) การศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการอย่างมีคุณภาพและน่าเชื่อถือ — กำหนดหลักเกณฑ์กลางที่จำเป็นต้องมีในรายงานการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ ได้แก่ การประมาณการเศรษฐกิจมหภาค วิธีกำหนดราคาและความถี่ในการให้บริการ เป็นต้น นอกจากนี้ ยังควรมีการเปิดเผยผลการศึกษาความเป็นไปได้ให้ประชาชนรับทราบก่อนมีการเสนอให้คณะรัฐมนตรีอนุมัติ
2) การสร้างธรรมาภิบาลในโครงการลงทุน — สร้างการมีส่วนร่วมของประชาชน และสร้างความโปร่งใสในการลงทุนผ่านการเปิดเผยข้อมูลทั้งในการจัดจ้างโดยภาครัฐ และการร่วมทุนกับภาคเอกชน โดยจุดเริ่มต้นก้าวสำคัญ คือ การจัดทำ Integrity Pacts หรือการทำสัญญาคุณธรรมระหว่างตัวแทนของรัฐบาลกับตัวแทนภาคเอกชน เพื่อให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการตรวจสอบการดำเนินการในโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของรัฐได้
3) การบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง – ควรเฝ้าระวังให้มีการบังคับใช้พระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2556 และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 รวมถึงฉบับที่แก้ไขเพิ่มเติม อย่างรัดกุมและโปร่งใส สำหรับการให้เอกชนร่วมทุนนั้น ควรเร่งวางหลักเกณฑ์ในการคำนวณมูลค่าโครงการ และกำหนดมาตรฐานของสัญญาร่วมลงทุนให้ชัดเจน รวมถึงส่งเสริมให้มีการเปิดเผยข้อมูลในฐานข้อมูลสัญญาร่วมลงทุน ขณะที่การจัดจ้างภาครัฐนั้น ในอนาคตควรมีการทบทวนข้อกฎหมายเพื่อสร้างความสมดุลระหว่างความยืดหยุ่นในการจัดซื้อจัดจ้าง กับความโปร่งใส
ข้อมูลพื้นฐานเพิ่มเติม
ชื่อโครงการ: โครงการ “คู่มือประชาชนรู้ทันคอร์รัปชั่น” ภายใต้ความร่วมมือระหว่าง สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กับ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.)
เว็บไซต์: www.tdri.or.th
Facebook: https://www.facebook.com/tdri.thailand