สมชัย จิตสุชน ผู้อำนวยการวิจัยด้านการพัฒนาอย่างทั่วถึง สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวในงานสัมมนา “เศรษฐกิจกับอนาคตการเติบโตที่ยั่งยืน” ว่า สิ่งแรกที่ไทยเราควรจะปรับเพื่อการเติบโตที่ยั่งยืนก็คือการเมือง เพราะถึงที่สุดต้องหาทางออกทางการเมืองให้ได้ก่อนจะเดินต่อไป เพราะไม่อย่างนั้นจะก้าวเดินต่อไปไม่ได้ ถึงการเมืองจะไม่ถูกหยิบขึ้นมาบนโต๊ะของการพัฒนาเศรษฐกิจ เพราะมองว่าไม่ควรพูดคุยการเมือง แต่จริงๆ มันควรหยิบยกมาพูดคุยกันบนโต๊ะเจรจา
“ตอนนี้ความไม่แน่นอนทางการเมืองน่าเป็นห่วง มีความเสี่ยงสูงมาก โดยเฉพาะในสายตาของต่างชาติที่มีการตั้งคำถาม เพราะเกรงว่าความรุนแรงทางการเมืองจะกลับมาอีก ถ้าภายใน 1-2 วันนี้ การชุมนุมทางการเมืองยังไม่ยุติ จะกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนมากยิ่งขึ้น จึงอยากเห็นคนกลางที่มีความรู้มาเป็นผู้เจรจากับทั้งสองฝ่ายเพื่อหาทางออกร่วมกัน ต้องมานั่งโต๊ะคุยกันว่าจะยึดทางเดินไหน” สมชัยกล่าว
นักวิชาการทีดีอาร์ไอกล่าวว่า ปัญหาการเมืองขณะนี้ ถ้าไม่พบกันครึ่งทางก็ไม่มีทางออก ทุกฝ่ายต้องปรับให้มาอยู่ในความเป็นจริงที่พอจะไปได้ เช่น มาคุยกันก่อนว่าแผนระยะ 1-2 ปีจะอยู่กันอย่างไร หรือ 4-5 ปีจะอยู่อย่างไรก่อนมาดูว่าแล้ว 10 ปีข้างหน้าจะอยู่กันอย่างไร กติกาใหม่ควรเป็นไง เรื่องนี้ควรคุย แต่ปัญหาที่เราไม่หาทางออกกันน่าจะเป็นเพราะผู้รู้เริ่มใส่อารมณ์กันไปเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ไม่ว่าฝ่ายไหนก็ใส่อารมณ์ แทนที่จะคุยกันด้วยเหตุผล
ในความเป็นจริง อีกฝ่ายบอกว่าระบอบทักษิณออกไป ก็ไม่ได้หมายความว่าจริงๆ แล้วระบอบทักษิณต้องออกไปภายในวันนี้พรุ่งนี้ ขณะที่อีกฝ่ายก็ยืนยันว่าจะอยู่ครบ 4 ปีแล้วค่อยมาเลือกตั้งกันใหม่ ซึ่งอาจจะต้องขอกันว่าขอให้ลดๆ ลงหน่อยได้ไหม เพราะผู้คนอึดอัดกันขนาดนี้ คุณยังจะยืนยันว่าจะอยู่ครบ 4 ปีค่อยมีการเลือกตั้งเช่นเดิมทั้งที่เราควรต้องลดเวลาลงมาบ้างเพื่อเจอกันครึ่งทาง หรือฝ่ายที่ต้านคอร์รัปชั่นไม่สนใจไม่เอาเลือกตั้งเลย เพราะคอร์รัปชั่นเป็นปัญหาสำคัญ หรือฝ่ายเลือกตั้งไม่สนใจปัญหาคอร์รัปชั่นเลยไม่มีฝ่ายไหนคิดจะพบกันครึ่งทางเลย ก็คงไม่ใช่
ปัญหาการเมืองไทยขณะนี้มันเป็นปัญหาความมืดบอดทางปัญญาของสังคม ไม่รู้ทางออกไปทางไหน การแก้ปัญหาขณะนี้ไม่มีใครมีคำตอบที่ชัดเจนไม่รู้จะจบอย่างไร
การยุบสภามันน่าจะเป็นทางออกเพียงชั่วคราว เป็นการแก้ปัญหาระยะสั้น ไม่มีอะไรมารับประกันว่าปัญหามันจะไม่กลับมาวงจรเดิมอีกหรือไม่
ผู้อำนวยการวิจัยทีดีอาร์ไอกล่าวต่อว่า มาถึงภาวะนี้ที่มีสถานการณ์การชุมนุมทางการเมืองเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าปีหน้าเศรษฐกิจจะดีกว่าปีนี้เหมือนที่หลายฝ่ายเคยคาดการณ์หรือไม่ เพราะเดิมเศรษฐกิจอาจจะปรับดีขึ้น จากที่คาดหวังว่าส่งออกจะดีขึ้นแต่ก็ไม่ดี อย่างปีนี้ที่คาดว่าส่งออกจะดีขึ้น แต่สุดท้ายส่งออกไทยก็ไม่ได้ดีขึ้นเลยโตเป็น 0% ที่สำคัญปัญหาปีนี้จะลากยาวไปถึงปีหน้าหรือไม่ยังไม่ชัดเจน แต่ส่วนตัวผมเชื่อว่ามันจะแย่น้อยกว่าปีนี้ ถ้าไม่มีการเมือง
สำหรับเรื่องลงทุน 2 ล้านล้านบาท ถึงจะไม่ผ่าน แต่การลงทุนยังพอจะเดินต่อไปได้ ยังมีช่องทางพอที่จะลงทุนได้ อาจจำเป็นต้องมีแผนสองไว้รองรับกรณี 2 ล้านล้านบาทไม่ผ่านไว้ด้วย เพื่อให้การลงทุนมันเดินหน้าต่อได้ โดยอาจใช้เงินงบประมาณเงินนอกงบประมาณมาลงทุน
ตีพิมพ์ครั้งแรก: หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ วันที่ 27 พฤศจิกายน 2556 ในชื่อ “รายงานพิเศษ: ทีดีอาร์ไอเสนอทางออก ต้องพบกันครึ่งทาง”