นิพนธ์ พัวพงศกร: “ผมไม่ต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆ โดยการปฏิวัติ เราต้องไม่มีการปฏิวัติโดยเด็ดขาด”

ปี2013-11-29

ฝนฟ้าตกรวยริน มวลชนม็อบเย็นเยือก ขณะที่อุณหภูมิการเมืองประเทศนี้ร้อนยิ่งกว่าน้ำต้มเดือด การชุมนุมโค่นล้มระบอบทักษิณพัฒนาการจากถนนราชดำเนิน บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ลามเป็นดาวกระจายไปยังถนนหลายสาย และยึดศาลากลางจังหวัด หน่วยงานราชการหลายๆ กระทรวง ขอให้บรรดาข้าราชการหลุดพ้นจากระบอบทักษิณ

ขณะเดียวกัน รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ต่อสู้สงครามการเมืองนอกสภาและในสภา ทั้งแก้ต่างการอภิปรายไม่ไว้วางใจ และขยายพื้นที่ตามประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคงออกไป สถานการณ์ด้านต่างประเทศ สถานทูต 23 ประเทศออกโรงเตือนนักท่องเที่ยวของตนให้หลีกเลี่ยงจุดเสี่ยงของกลุ่มผู้ชุมนุม เพื่อความปลอดภัย

วันนี้ ดร.นิพนธ์ พัวพงศกร นักวิชาการเกียรติคุณ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) จะมาแสดงความคิดเห็นและชี้แนะแนวทางประเทศไทย ควรหรือไม่ควรทำอะไร ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและการลงทุนอย่างไร

……………

สถานการณ์การเมืองที่การชุมนุมพัฒนาการเป็นม็อบดาวกระจายไปยึดกระทรวงต่างๆ และศาลากลางจังหวัด กระทบเศรษฐกิจมากน้อยแค่ไหน

ตอบไม่ได้ เมื่อกี้ฝรั่งยังโทรศัพท์มาถาม แต่ตอบไม่ได้ เพราะว่าผมไม่เข้าใจ และมีการตั้งคำถามในหลายข้อ แต่ผมไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เรารู้ไหมว่าจะเกิดอะไรขึ้นเวลานี้ และตอบไม่ได้ว่าเป้าหมายของเขานั้น เราไม่รู้ว่าต้องการอะไรในการยึดกระทรวงอะไรต่างๆ อะไรแปลว่าล้มระบอบทักษิณ ตอบไม่ได้ เราเลยไม่รู้ว่ามันจะเดินไปถึงไหน และจุดนั้นคืออะไร

การไปยึดกระทรวงการคลังขณะนี้ และประกาศว่าล้มระบอบทักษิณ เสร็จแล้วจะเป็นอะไรต่อไปไม่รู้ เสร็จแล้วเลยไม่รู้ว่าปฏิวัติประชาชนแปลว่าอะไร ล้มระบอบทักษิณแปลว่าอะไร เขาก็ปฏิเสธว่าเขาไม่เห็นด้วยกับการยุบสภา เราก็ไม่รู้ว่าจะเกิดความรุนแรงไหม เลยไม่รู้ว่าจะเป็นยังไง

กลุ่มผู้ชุมนุมไปยึดกระทรวงการคลัง, ต่างประเทศ, มหาดไทย, เกษตรฯ, คมนาคม ท่องเที่ยวและกีฬา ฯลฯ

เขาพยายามจะให้ข้าราชการทำงานไม่ได้ เมื่อทำงานไม่ได้ เราก็ไม่รู้ว่าจะกระทบเยอะเท่าไร อย่างเช่นยึดสำนักงบประมาณนั้นคงไม่มีความหมายเท่าไร เพราะงบประมาณอนุมัติไปแล้ว แล้วการเบิกจ่ายเงินอยู่ที่กรมบัญชีกลาง แล้วกรมบัญชีกลางมีระบบสำรองหรือเปล่า ผมเชื่อว่ามี ดังนั้นการโอนเงินอะไรต่างๆ ก็สามารถโอนผ่านเซิร์ฟเวอร์ได้ แต่ว่าถ้าไม่มีระบบเซิร์ฟเวอร์รองรับก็มีปัญหา

การที่หน่วยราชการถูกปิดไป ผมคิดว่ามันอาจจะติดขัดเรื่องการทำงาน การเบิกจ่ายอะไรบ้าง แต่ว่าการเซ็นหนังสือต่างๆ คงทำได้ แต่การติดต่อประสานงานกันนั้นจะลำบากหน่อย แต่ถามว่าเรื่องใหญ่คือเขาต้องการอะไร และผมตอบไม่ได้ เพราะไม่รู้ว่าเป้าหมายคืออะไร ไม่รู้เป้าหมายที่ชัดเจนว่าจะเลิกเมื่อไร ยุติเมื่อไร เมื่อไรคือจะชนะ และไม่รู้ว่าจะเกิดความรุนแรงไหม ไม่รู้คำตอบ

ตอนนี้สถานทูต 23 ประเทศ ประกาศเตือนนักท่องเที่ยวของเขาที่จะมาประเทศไทยให้ระมัดระวังแล้ว

เขาก็กลัวไปก่อน แต่ผมเห็นนักท่องเที่ยวไปถ่ายรูปแถวๆ ม็อบเหมือนกัน แล้วข้อดีของเราคือการเดินขบวนขณะนี้ไม่ถึงขนาดเลือดตกยางออก ตราบใดที่รัฐบาลไม่เอาคนเสื้อแดงมาตีกัน เขาไม่อยากให้เกิด ผมคิดว่าเขาก็ไม่อยากให้เกิด เพราะถ้าเกิดก็ยุ่ง

ผมไม่อยากเดา ไม่อยากพูดประโยคต่อไปว่าอันนี้เป็นการทำเพื่อให้เกิดการใช้ความรุนแรงจากฝั่งรัฐบาล อันนี้ผมไม่อยากเดา ไม่อยากจะพูด เพราะจะเป็นการกล่าวหาเขา เดาทั้งหมด เพราะเราไม่รู้

การชุมนุมทางการเมืองของเราเป็นข่าวใหญ่ไปทั่วโลก และทางรัฐบาลมีการขยายพื้นที่ตามประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคงใน กทม. และปริมณฑลเพิ่มขึ้นแล้ว

เวลานี้ทำให้นักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศมีปัญหาเบื่อหน่ายประเทศไทย เบื่อหน่ายเพราะว่าค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท ไทยขาดแคลนแรงงาน คุณภาพแรงงานก็ไม่ดี เสร็จยังมาเล่นการเมืองกันแบบนี้ เล่นการเมืองบนถนนกัน เสร็จแล้วทำอะไรไม่ได้ เพราะฉะนั้นไปลงทุนที่อื่นดีกว่า

และไม่ใช่เฉพาะเหตุการณ์ชุมนุมครั้งนี้เท่านั้น เป็นเหตุการณ์หลายๆ เหตุการณ์ที่ผ่านมาผสมกัน ไม่ใช่เป็นผลจากการเมืองครั้งนี้ แต่เป็นต่อเนื่องกันมา ในแง่ของนักลงทุน เขาไม่อยากยุ่งการเมือง เขายุ่งธุรกิจ แต่เมื่อเกิดเหตุ เขาทำธุรกิจไม่ได้ ดูตั้งแต่ปฏิวัติปี 49 ต่อเนื่องกันมาตลอดเลย แต่ครั้งนี้เว้นมา 2 ปี กลับมาใหม่ แล้วเดี๋ยวก็มีอีก จึงไม่สามารถจะบรรลุข้อตกลงกันได้ คือไม่ใช่ถนน ตอนนี้หนักขึ้น เพราะคราวที่แล้วเราเห็นว่าใช้ถนนกันมาตลอด อย่าไปบอกว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเลย ไปยึดสนามบิน ไปป่วนการประชุมที่พัทยานั้น ก็พอๆ กันทั้งคู่

เพียงแต่คราวนี้มาลงที่หน่วยราชการ ไม่ไปสภา ไม่ไปทำเนียบ เพราะเขากันเอาไว้ เขาเลยปรับเป้าใหม่ ถามว่าจากผลกระทบอันนี้ ผมตอบไม่ได้ แต่ว่าเรื่องภาวะการเมืองของไทยนั้นมีผลกระทบแน่นอนในระยะยาว เพราะสมัยก่อน ไม่ว่าจะปฏิวัติทุกครั้ง ไม่ได้หมายความว่าผมเห็นด้วยกับปฏิวัติ แต่นักลงทุนเขาก็ยังเชื่อมั่นประเทศไทย เพราะนโยบายลงทุนของประเทศไทยนั้นกำหนดโดยข้าราชการประจำ และเขารู้ว่ามีความต่อเนื่อง แต่ครั้งนี้เป็นความขัดแย้งกันระหว่างชนชั้นผู้นำ

สรุปได้ว่ากระทบมากแค่ไหน

สรุปว่าการเมืองครั้งนี้รุนแรงแค่ไหน ผมตอบไม่ได้ และจะส่งผลกระทบเศรษฐกิจแค่ไหน ตอบไม่ได้ เพราะไม่รู้ว่าเป้าหมายคืออะไร มีความไม่แน่นอน เราไม่รู้เลยว่าเขาต้องการอะไร แต่อย่างน้อยที่สุด ตอนนี้ดีกว่าประเทศอื่น เพราะถือว่ายังไม่มีอะไรรุนแรง เราผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะ เราก็พยายามไม่อยากให้เกิดความรุนแรง

ทางตำรวจต้องทำหน้าที่ให้ดี อย่าพยายามให้เกิดเรื่อง ม็อบต้องไม่อยู่ใกล้กัน ต้องกันให้อยู่ห่างกัน เพราะถ้าเกิดอะไร ตำรวจจะถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง ดังนั้นตำรวจต้องเป็นกลางมากขึ้น และต้องพยายามไม่ให้ม็อบมาอยู่ใกล้กัน อันนี้เรื่องใหญ่ ถ้าตำรวจปล่อย บอกว่าทำอะไรไม่ได้นั้นไม่ถูก เพราะเป็นหน้าที่ตำรวจ ในต่างประเทศนั้นเขาทำ ประเทศไหนที่ไม่ทำ ปล่อยให้ม็อบตีกัน ตำรวจจะนั่งเฉยไม่ได้ ต้องทำทุกวิถีทางไม่ให้ม็อบมาอยู่ใกล้กัน ถ้ามาใกล้กัน ตีกัน นองเลือดเลย

คิดว่าทหารควรออกมาปฏิวัติรัฐประหารหรือไม่ ประเทศจึงจะสงบ

ผมไม่ต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆ โดยการปฏิวัติ เราต้องไม่มีการปฏิวัติโดยเด็ดขาด ประชาคมโลกเขาไม่เอาอีกแล้ว และต้องไม่มีการนองเลือด ถ้ามี ประเทศเราเจ๊งเลย


ตีพิมพ์ครั้งแรก: หนังสือพิมพ์สยามรัฐ วันที่ 29 พฤศจิกายน 2556 ในชื่อ “นักวิจัยเกียรติคุณชี้ นักลงทุนหน่ายการเมืองไทย”