‘TDRI’ แนะ ‘คปภ.’ แปรกองทุนฯ พ.ร.บ. หนีระบบราชการ แยกตัวสู่หน่วยงานอิสระ

ปี2014-02-13

“คปภ.” เร่งหารือบริษัทประกันภัย หลัง “TDRI” เผย 3 แนวทาง พัฒนาระบบการประกันภัยรถภาคบังคับ (พ.ร.บ.) คิดเบี้ยตามความเสี่ยงคนขับ เพิ่มวงเงินคุ้มครอง พร้อมตั้งกองทุนทดแทนผู้ประสบภัยออกเป็นหน่วยงานอิสระที่ไม่แสวงหากำไร

นายประเวช องอาจสิทธิกุล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย “คปภ.” เปิดเผยถึงผลการวิจัย “โครงการศึกษาวิจัยกรอบและข้อเสนอเชิงนโยบายต่อการพัฒนาระบบการประกันภัยตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535” ซึ่งร่วมกับสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) ว่า โครงการศึกษาฯ ดังกล่าว คปภ. มอบให้ TDRI เป็นผู้ดำเนินการศึกษาวิจัยเพื่อเสนอกรอบแนวทางการพัฒนาระบบการประกันภัยรถภาคบังคับให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน และบริบทการพัฒนาประเทศหลังประกาศใช้มากว่า 20 ปี โดยมี ดร.อัมมาร สยามวาลา ที่ปรึกษาโครงการนั้น

จากการเก็บข้อมูลจากผู้ประสบภัยจากรถ ผู้เอาประกันภัย สถานพยาบาล บริษัทประกันภัย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนศึกษาการประกันภัยรถภาคบังคับของต่างประเทศนำมาวิเคราะห์เปรียบเทียบ โดยผลการศึกษา TDRI ได้เสนอแนะแนวทางการพัฒนาระบบการประกันภัยรถภาคบังคับในหลายประเด็น เช่น

1. การส่งเสริมให้มีการปรับโครงสร้างทางการตลาด ส่งเสริมให้เกิดการแข่งขันเพื่อให้ธุรกิจประกันภัยแสดงศักยภาพที่เป็นจุดแข็งให้เกิดความเป็นธรรมกับประชาชนมากขึ้น โดยเฉพาะในด้านการกำหนดเบี้ยประกันภัยให้เหมาะสมกับความเสี่ยงในการใช้รถของผู้ขับขี่แต่ละคน รถคันใดเกิดเหตุบ่อยต้องจ่ายเบี้ยประกันภัย สูงกว่ารถคันอื่นควรปรับนโยบายให้เบี้ยประกันภัยขึ้นลงได้แทนอัตราคงที่ (Fixed Rate) ที่ใช้อยู่

2. ในด้านจำนวนเงินความคุ้มครองเห็นว่า ควรปรับปรุงให้ผู้ประสบภัยที่เป็นผู้ถูกกระทำละเมิดได้รับการดูแลโดยเท่าเทียมกัน เนื่องจากปัจจุบันผู้ประสบภัยที่ถูกชนแล้วหนี หรือเกิดจากรถที่ไม่ทำประกันภัยชน ได้รับค่าสินไหมทดแทนน้อยกว่าผู้ประสบภัยที่ถูกรถที่มีประกันภัยชน นอกจากนั้น ยังเห็นว่าจำนวนเงินความคุ้มครองควรมีการปรับเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากปัจจุบันยังไม่เพียงพอต่อการดูแลผู้ประสบภัยจากรถ ซึ่งในส่วนนี้ คปภ. ควรดำเนินการควบคู่ไปกับการเข้มงวดให้รถทุกคันต้องทำประกันภัย โดยเฉพาะรถจักยานยนต์ซึ่งเป็นรถที่หลีกเลี่ยงการทำประกันภัยสูงมาก3. ในส่วนการดำเนินงานของกองทุนทดแทนผู้ประสบภัยนั้น เห็นว่าควรมีการปรับเปลี่ยนการทำงานจากเดิมที่อิงกับระบบราชการ ออกไปเป็นหน่วยงานอิสระเพื่อให้เกิดความความคล่องตัวในการดำเนินงาน นอกจากนั้น ยังสนับสนุนนโยบายที่ คปภ. ได้ดำเนินการไปแล้วได้แก่ ระบบสินไหมอัตโนมัติ (E-Claim) ที่เป็นระบบการเรียกค่ารักษาพยาบาลของโรงพยาบาลโดยตรงกับบริษัทประกันภัย และกองทุนทดแทนผู้ประสบภัย การกำหนดให้ บริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด เป็นศูนย์กลางการจ่ายค่าสินไหมทดแทน (Clearing House) ให้กับบริษัทประกันภัย เป็นต้น

นายประเวช กล่าวเพิ่มเติมว่า ข้อเสนอของ TDRI เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาระบบการประกันภัยรถภาคบังคับเป็นอย่างมาก โดย คปภ. จะนำผลการวิจัยดังกล่าวหารือร่วมกับภาคธุรกิจประกันภัย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อวางมาตรการดำเนินการต่อไป โดยเฉพาะในระยะยาวที่ TDRI เสนอให้ปรับบทบาทของกองทุนทดแทนผู้ประสบภัยออกเป็นหน่วยงานอิสระที่ไม่แสวงหากำไร เนื่องจากปัจจุบันกองทุนฯดังกล่าวอยู่ภายใต้การดำเนินงานของ คปภ.

ทางด้าน ดร.อัมมาร สยามวาลา นักวิชาการเกียรติคุณ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) กล่าวเน้นย้ำจุดยืนหน้าที่ของบริษัทประกันภัยว่า ควรตระหนักถึงการเป็นผู้ประเมินความเสี่ยงและการตั้งราคาเพื่อควบคุมความเสี่ยงและ คปภ. ควรต้องกำกับให้บริษัทประกันภัยสร้างคุณค่าให้กับสังคมผ่านระบบประกันภัยให้มากขึ้น


ตีพิมพ์ครั้งแรก: หนังสือพิมพ์ทรานสปอร์ต เจอร์นัล วันที่ 10-16 กุมภาพันธ์ 2557