‘ดร.อัมมาร’ ชี้จ่ายก่อนป่วยดีสุด บัตรทองทำยาก-ไม่มีคนเก็บเงินส่งทุกเดือน

ปี2014-07-21

กระทรวงสาธารณสุข 17 ก.ค.2557 “ดร.อัมมาร” ชี้รูปแบบร่วมจ่ายที่ดีสุดสมทบก่อนป่วย แต่สิทธิบัตรทองทำยาก เหตุไม่มีคนเก็บเงินส่งทุกเดือนเหมือนประกันสังคม ค้านร่วมจ่ายช่วงป่วย ยันไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ รัฐไม่กระทบจากค่ารักษาพยาบาล ถ้าไม่ฟุ่มเฟือย-ไม่พอเพียงในการใช้งบเรื่องอื่น

ดร.อัมมาร สยามวาลา นักวิชาการเกียรติคุณ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือทีดีอาร์ไอ กล่าวว่า ระยะสั้นเมื่อ นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ชี้แจงแล้วว่าไม่ได้มีการนำเสนอเรื่องนี้ในการประชุมร่วมกับคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพียงแต่มีการพูดแสดงความคิดเห็นของผู้เข้าร่วมประชุมเท่านั้น และ คสช. ยืนยันจะไม่นำเรื่องนี้มาพิจารณาต่อ เรื่องก็น่าจะจบ

ดร.อัมมาร กล่าวอีกว่า การให้ผู้มีสิทธิในกองทุนหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า หรือ “บัตรทอง” ร่วมจ่ายมีแรงผลักดันมามากจากฝ่ายผู้ให้บริการทางการแพทย์และผู้ประกันตน เพราะเป็นกลุ่มที่ต้องร่วมจ่าย ซึ่งส่วนตัวเห็นว่าเป็นเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้น เช่น การระบุว่าเงินไม่พอแล้วต้องร่วมจ่าย เนื่องจากเป็นสิ่งที่อยู่ในวิสัยที่ต้องตัดสินใจของฝ่ายการเมือง หากบอกว่าถ้าไม่มีการร่วมจ่ายแล้วผู้ให้บริการอยู่ไม่ได้ ก็ต้องชี้แจงไปยังรัฐว่าต้นทุนสูงกว่าที่รัฐจัดสรรงบประมาณ หากรัฐไม่อยากจัดสรรเงินให้เพิ่มแล้วต้องการให้ร่วมจ่ายก็ว่ากันไป โดยการร่วมจ่ายมีหลายรูปแบบ ที่ดีที่สุด คือ รูปแบบของประกันสังคมที่ให้จ่ายล่วงหน้าเป็นรายเดือน ไม่เกี่ยวกับสุขภาพหรืออายุ และหากปรับให้มีการเสียตามรายได้ยิ่งดี มากขึ้น

“ถ้าเป็นการร่วมจ่ายเมื่อป่วยแล้ว ผมไม่เห็นด้วย ยิ่งร่วมจ่ายเป็นเปอร์เซ็นต์เป็นเรื่องสุดซอย รับไม่ได้ แม้ 1-2% ก็ไม่ได้ เพราะเมื่อประชาชนป่วย แล้วต้องมาควักกระเป๋าจ่ายอีก ในขณะที่เดือดร้อนอยู่แล้ว การร่วมจ่ายจึงไม่ควรจะมี ส่วนการจะให้ผู้ใช้สิทธิบัตรทองมาร่วมจ่ายในรูปแบบรายเดือนเหมือนกับประกันสังคม ถ้าทำได้ก็ดี แต่ทำยาก เพราะการเก็บเงินลำบาก ไม่มีนายจ้างหักเงินเดือนส่งให้หน่วยงานที่รับผิดชอบทุกเดือนเหมือนสิทธิประกันสังคม ดังนั้น ในเมื่อรัฐใช้เงินจากภาษีที่ทุกคนจ่าย รัฐก็ต้องทำหน้าที่ในการรับผิดชอบเรื่องค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล รัฐสัญญาอะไรไว้ก็ต้องทำตามนั้น แต่หากจะให้มีการร่วมจ่าย ต้องเป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ปรับพฤติกรรมของผู้ป่วย” ดร.อัมมารกล่าว

ดร.อัมมาร กล่าวด้วยว่า แม้สังคมไทยจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ก็ไม่ควรกระทบต่อการใช้งบประมาณในการจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้แก่ประชาชน หากไม่ฟุ่มเฟือยหรือไม่พอเพียงในเรื่องอื่นๆ จึงอยู่ในวิสัยที่รัฐจะดำเนินการได้ เนื่องจากหากพิจารณาจากงบประมาณที่รัฐจัดสรรให้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ที่เพิ่มขึ้นปีละไม่ถึง 1 หมื่นล้านบาท แต่กลับใช้เงินไปกับเรื่องอื่นๆ มากมาย เช่น นโยบายรถคันแรกใช้งบประมาณถึง 8 หมื่นล้านบาท เป็นต้น

 


ตีพิมพ์ครั้งแรก: หนังสือพิมพ์คมชัดลึก วันที่ 18 กรกฎาคม 2557