ทีดีอาร์ไอ ชี้ศก.ไทยยังเปราะบาง ห่วงเฟด-เลือกตั้งผู้นำสหรัฐทำป่วนผสมส่งออกลบหนักเสี่ยงจีดีพีต่ำ3%

ปี2016-09-14

ทีดีอาร์ไอ-นายแบงก์ ประสานเสียงเศรษฐกิจไทยยังผันผวน โชว์ปัจจัยเสี่ยงต่อเศรษฐกิจยังสูง ด้านภายในกำลังซื้อไม่ฟื้น เอกชนชะลอลงทุน ตรึงดอกเบี้ย ส่วนภายนอกลุ้นผลกระทบจากเฟดขยับดอกเบี้ย ภาวะสุญญากาศช่วงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ บาทแข็งพรวด ส่งออกติดลบหนัก จึงมีโอกาสกดจีดีพีต่ำกว่า 3%

นายกอบสิทธิ์ ศิลปชัย ผู้บริหารงานวิจัยเศรษฐกิจและตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยในงานสัมมนา “ทิศทางเศรษฐกิจและค่าเงินโลก เตรียมรับมือความผันผวนไตรมาสสุดท้าย” จัดโดยธนาคารกสิกรไทย ว่าเศรษฐกิจช่วงครึ่งปีแรกฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจ (จีดีพี) ของไทยครึ่งปีแรกขยายตัวได้ดี โดยไตรมาส 3 คาดว่าจะยังเติบโตได้ 3% แม้ว่าเดือนกรกฎาคมตัวเลขเศรษฐกิจจะชะลอลงตามมาตรการกระตุ้นภาครัฐที่ทยอยหมดลง รวมทั้งการบริโภคและลงทุนเอกชนยังขยายตัวต่ำ และภาคการส่งออกติดลบ

“คาดว่าจีดีพีปี 2559 จะเติบโต 3% โดยแรงส่งมาจากการเบิกจ่ายและลงทุนภาครัฐ ในปีงบประมาณ 2560 ที่เริ่มต้นเดือนตุลาคมนี้ และงบลงทุนนอกงบประมาณ รวมถึงภาคการท่องเที่ยวก็ยังขยายตัวได้ต่อเนื่อง อีกทั้งจะเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยว (ไฮซีซั่น) แล้ว ส่วนการส่งออกคาดว่าจะติดลบ 2% เพราะประเทศคู่ค้าหลักยังไม่ฟื้นตัว และการหาตลาดใหม่ทำได้ยากขึ้น”

นายกอบสิทธิ์กล่าวว่า แนวโน้มค่าเงินบาท เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐ ยังมีความผันผวนตามกระแสเงินทุนที่ไหลเข้าออกในประเทศตลาดเกิดใหม่ ตามการคาดการณ์การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งธนาคารประเมินว่าเฟดจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 1 ครั้งในเดือนธันวาคมนี้ จะทำให้ค่าเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าลงได้ ประเมินว่าสิ้นปี 2559 จะอยู่ที่ 35.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ และคาดว่าสิ้นปี 2560 จะอยู่ที่ 36 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ส่วนการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันที่ 14 กันยายนนี้ กนง.จะคงอัตราดอกเบี้ยระดับ 1.50% เชื่อว่า กนง.น่าจะติดตามการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดก่อน รวมทั้งอุปสงค์ในประเทศ และอัตราเงินเฟ้อยังต่ำ ทั้งนี้ ต้องติดตามว่า กนง.จะมีการส่งสัญญาณกรณีค่าเงินบาทว่าแข็งค่าเร็วและไม่เอื้อต่อการขยายตัวเศรษฐกิจเป็นครั้งที่ 3 หรือไม่

ดร.กิริฎา เภาพิจิตร ผู้อำนวยการวิจัย ด้านการวิจัยและคำปรึกษาระหว่างประเทศ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวว่า แนวโน้มเศรษฐกิจไทยช่วงที่เหลือของปีนี้ ปัจจัยที่จะมีผลกระทบหลักมาจากต่างประเทศ โดยเฉพาะสหรัฐ คือกรณีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด คาดว่าจะมีการปรับขึ้นปลายปีนี้หรือต้นปี 2560

การปรับดอกเบี้ยขึ้นของสหรัฐจะมีผลให้มีเงินทุนไหลออกในประเทศตลาดเกิดใหม่และไทย ซึ่งจะทำให้ค่าเงินบาทเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐและตลาดหุ้นมีความผันผวนมากขึ้น รวมทั้งการเลือกตั้งสหรัฐในเดือนพฤศจิกายนนี้ เพราะจะมีผลต่อการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจสหรัฐและกระทบต่อเศรษฐกิจโลกและไทยได้” นางสาวกิริฎากล่าว

ดร.กิริฎากล่าวว่า ส่วนปัจจัยในประเทศที่จะมีผลกระทบ คือ การลงทุนเอกชนที่ขยายตัวช้า ซึ่งเอกชนใช้กำลังการผลิตเพียง 70% ตามการส่งออกที่ติดลบตามความต้องการในตลาดโลกที่ชะลอตัว และคาดว่าปีนี้ภาคการส่งออกจะติดลบเป็นปีที่ 4 ทำให้เอกชนยังไม่จำเป็นต้องลงทุนเพิ่ม เป็นต้น ส่วนการประชุม กนง. คาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ 1.50% โดย กนง.น่าจะติดตามการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดก่อน และติดตามการขยายตัวเศรษฐกิจในประเทศว่าฟื้นตัวดีหรือยังก่อน ทั้งนี้ อัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำทำให้ไม่จำเป็นต้องเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ย

อย่างไรก็ตาม ยังมีมุมมองว่าจีดีพีไทยปีนี้จะขยายตัวได้ 3% แรงหนุนจากการท่องเที่ยวและลงทุนภาครัฐเป็นหลัก ส่วนการส่งออกจะติดลบ 2% แต่หากตัวเลขส่งออกติดลบมากกว่านี้จีดีพีอาจจะขยายตัวต่ำกว่า 3% ได้


หมายเหตุ: เผยแพร่ครั้งแรกในหนังสือพิมพ์มติชน เมื่อ 14 กันยายน 2559 ในชื่อ: ทีดีอาร์ไอชี้ศก.ไทยยังเปราะบาง ห่วงเฟด-เลือกตั้งผู้นำสหรัฐทำป่วนผสมส่งออกลบหนักเสี่ยงจีดีพีต่ำ3%