ขยะอาหาร
เรื่องใกล้ แต่ใหญ่กว่าที่คิด
1 ใน 3 ของอาหารที่เรากินอยู่ทุกวัน ถูกทิ้งทั้งที่ยังกินได้
ข้อมูลจาก “Food Wastage Footprint : Impacts on
Natural Resources” โดย องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (UNFAO)
ในขณะที่เราทิ้งอาหารที่ยังกินได้ มีประชากรทั่วโลกกว่า
คน
ต้องเผชิญความหิวโหย
ข้อมูลจาก “Food Wastage Footprint : Impacts on
Natural Resources” โดย องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (UNFAO)
ลดปริมาณ “ขยะอาหาร” เป็นเป้าหมายโลก
การลดขยะอาหารเป็นหนึ่งในเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG) ซึ่ง UN ได้ตั้งเป้า ให้ในปี ค.ศ. 2030 ขยะอาหารที่เกิดจากการจำหน่ายและการบริโภคทั่วโลกต้องลดลง 50%
ฝรั่งเศส ออกกฎหมายว่าด้วยการต่อต้านขยะอาหาร
สหรัฐอเมริกา เน้นมาตรการสร้างแรงจูงใจในการลดขยะอาหาร มากกว่าการลงโทษ
เกาหลีใต้ ให้ความสำคัญกับการลด ปริมาณขยะอาหารในภาคครัวเรือนด้วยเทคโนโลยี
จากเป้าหมาย…สู่กรอบแนวคิดในการลดขยะอาหาร 5 ขั้นตอน
ป้องกัน (prevention)
ป้องกันการเกิดขยะอาหารและอาหารส่วนเกินโดยวางแผนการกินให้ดี
จัดสรรอาหารเพื่อประโยชน์สูงสุด (optimization)
ส่งต่ออาหารส่วนเกินไปบริจาคแก่ผู้ยากไร้ และผลิตเป็นอาหารสัตว์
ผลิตเพื่อใช้ใหม่ (recycle)
นำขยะอาหารมาผลิตก๊าซชีวภาพ เพื่อใช้เป็นพลังงานและนำมา ผลิต ปุ๋ย และน้ำหมักชีวภาพ ไว้ใช้ประโยชน์
กำจัดเพื่อนำพลังงานมาใช้ใหม่ (recovery)
นำขยะอาหารมาเผาเพื่อผลิตพลังงาน
กำจัด (disposal)
นำขยะอาหารที่ไม่สามารถใช้ประโยชน์ ไปฝังกลบ และเผาเพื่อกำจัด
สำหรับประเทศไทย ค่านิยม “เหลือ…ดีกว่าขาด” ทำให้อาหารส่วนเกินจำนวนมาก กลายเป็นขยะอาหาร แล้วส่วนใหญ่ได้รับการจัดการอย่างไม่เหมาะสม ทำให้เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อมตามมา
แล้วอาหารที่เราทิ้ง…ยังกินได้ไหม ?
ยังกินได้
“อาหารส่วนเกิน” (Food surplus) เป็นอาหารที่เกินจากความต้องการของเรา ถึงแม้จะสามารถนำไปบริโภคต่อได้ แต่คนส่วนมากเลือกที่จะ “ทิ้ง” เช่น ผัก ผลไม้ที่ถูกตัดแต่งเพื่อความสวยงาม หรืออาหารกระป๋องที่เราทิ้งไปโดยที่ยังไม่หมดอายุ
กินไม่ได้แล้ว
“ขยะอาหาร” (food waste) คือ เศษอาหารที่ไม่สามารถนำมาบริโภคต่อได้ อาจเป็นสิ่งที่เหลือจากการบริโภค เช่น เปลือกผลไม้ หรือ เป็นอาหารที่เราทิ้งให้หมดอายุจนไม่สามารถเอามาบริโภคต่อได้
ทั้ง ‘อาหารส่วนเกิน’ และ ‘ขยะอาหาร’ ถูกทิ้งรวมกัน ถึงแม้ว่าจะมีส่วนที่ยังกินได้อยู่ก็ตาม
ขยะอาหารของไทยมีมาก และยังจัดการไม่ดีพอ
ข้อมูลจากกรมควบคุมมลพิษ ระบุว่าในปี 2560 มีขยะอาหารคิดเป็นร้อยละ 64 ของปริมาณทั้งหมด หรือ 254 กิโลกรัมต่อคนต่อปี แต่ไทยมีการนำขยะอาหารไปใช้ประโยชน์น้อยมาก เนื่องจากเทศบาลส่วนมากไม่มีการแยกขยะ และในส่วนของ กทม. สามารถรีไซเคิลขยะอาหารได้เพียง 2 % เท่านั้น
- ขยะอื่นๆ 3%
- ขยะอันตราย 3%
- ขยะรีไซเคิล 30%
- ขยะอินทรีย์ (ขยะอาหาร) 64%
ขยะอาหาร…เรื่องยาก แต่มีคนเริ่มแล้ว
ภาคธุรกิจในประเทศไทยเริ่มตระหนักถึงเรื่องขยะอาหาร โดยผู้ริเริ่มส่วนใหญ่เป็นสาขาของบริษัทต่างชาติ ที่บริษัทแม่มีนโยบายลดขยะอาหาร เช่น IKEA และ เทสโก้โลตัส รวมถึงผู้ประกอบการไทย ที่เข้าร่วมโครงการของสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน)
หรือ สสปน. ต่างมีแนวคิดขับเคลื่อนการลดปริมาณขยะอาหาร และนำอาหารส่วนเกินที่ยังมีคุณภาพดีไปบริจาค ผ่านหน่วยงานเพื่อการกุศลอย่าง SOS (Scholars of Sustenance)
ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการจัดการขยะอาหารโดยภาคธุรกิจไทย
ผู้บริจาคอาหาร
ประกอบไปด้วย
- สสปน. หน่วยงานของรัฐที่อุดหนุนค่าใช้จ่ายในการจัดการขยะอาหาร โดยมี LightBlue Environmental Consulting เป็นที่ปรึกษา
- โรงแรมขนาดใหญ่ ที่มี เข้าร่วมกับสสปน.
- ร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ โดยเป็นร้านค้าปลีกขนาดใหญ่จากต่างประเทศ
ตัวกลางในการนำอาหารไปบริจาค
ปัจจุบันมีเพียง SOS ที่เป็นตัวกลางในการนำอาหารไปบริจาคที่มีมาตรฐานในการขนส่ง
ผู้รับบริจาคอาหาร
อาหารที่บริจาคจะถูกส่งไปยังองค์กร หรือชุมชนที่รับบริจาคอาหาร เช่น บ้านพักคนชรา บ้านเด็กกำพร้า
แต่การดำเนินการของภาคธุรกิจและผู้เกี่ยวข้องนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น
มีสิ่งที่ประเทศไทยต้องแก้ไข ปรับปรุงเพื่อให้เกิดการจัดการขยะที่ดี
ขยะอาหาร ไปต่อยังไง…ให้สำเร็จและยั่งยืน
ทำให้บริษัทเก็บขยะมีความหลากหลาย
เนื่องจากการบริหารจัดเก็บขยะและการบริหารจัดการขยะของภาคเอกชน ได้รับสัมปทานจากเทศบาลหรือสำนักงานเขตในบางพื้นที่ทำให้มีค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บขยะสูงเกินควร
ทำให้ตัวกลางในการนำอาหารไปบริจาคมีเพิ่มขึ้น
ปัจจุบันมีเพียง SOS ที่เป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่มีระบบขนส่งอาหารที่ได้มาตรฐาน แต่ SOS ก็จะต้องแบกรับความเสี่ยงต่อการถูกฟ้องร้องหากอาหารส่งผลเสียต่อผู้รับบริจาค
ทำให้คนเห็นความสำคัญของการแยกขยะ
คนไทยส่วนใหญ่มักทิ้งขยะอาหารรวมกับขยะทั่วไป ทำให้การคัดแยกขยะก่อนการนำไปรีไซเคิลและกำจัดเป็นไปได้อย่างยากลำบาก การใช้ประโยชน์จากขยะอาหารจึงทำได้ยาก
ทำให้ข้อมูลการจัดการขยะอาหารสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้
ประเทศไทยมีผู้เล่นในระบบนิเวศของการบริหารจัดการอาหารที่ครบถ้วนแล้ว แต่การทำงานของแต่ละส่วนยังไม่เชื่อมโยงกัน และยังขาดฐานข้อมูลเกี่ยวกับขยะอาหาร
3 แนวทาง
สู่นโยบายการจัดการขยะอาหารที่ดี
เพิ่มเพื่อลด
- เพิ่มแรงจูงใจในการลดปริมาณขยะอาหาร
- ให้ tax credit สำหรับค่าใช้จ่ายในการวางระบบจัดการขยะอาหารให้กับภาคธุรกิจ
- คืน VAT ให้แก่ผู้บริจาคอาหาร เพื่อกระตุ้นให้เกิดการหมุนเวียนส่งต่ออาหาร
- เพิ่มอัตราค่าธรรมเนียมการจัดเก็บขยะให้สะท้อนต้นทุน(Polluters pay)
- เพิ่มกฎหมายคุ้มครองผู้บริจาค และตัวกลางในการบริจาคอาหาร โดยออกกฎหมายคุ้มครองผู้บริจาคอาหารที่ทำตามมาตรฐานของการบริจาคอาหาร
งดเพื่อเปลี่ยน
- งดการทิ้งขยะรวมกัน โดยแยกการจัดเก็บขยะอินทรีย์
- งดทิ้งขยะอาหารไปโดยเปล่าประโยชน์ โดยจัดศูนย์แปรรูปขยะอาหารเป็น ปุ๋ย น้ำหมักชีวภาพ ในแต่ละองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
เรียนรู้กับข้อมูล
- ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ต้องการบริจาคอาหารโดยสร้าง platform ระหว่างผู้ที่ต้องการรับบริจาคอาหาร และผู้บริจาคอาหาร
- ส่งต่อฐานข้อมูลในการบริหารจัดการขยะอาหาร โดยจัดทำฐานข้อมูลปริมาณขยะอาหาร