รับฟังความคิดเห็น ต้องไม่เป็นเพียงพิธีกรรม

ภาพการชุมนุมเรียกร้องของประชาชนที่ได้รับการตอบรับจากรัฐบาลด้วยการสลายการชุมนุมอย่างรุนแรงและจับกุมผู้ชุมนุมมีเกิดขึ้นบ่อยครั้ง เมื่อต้นปีที่ผ่านมา กลุ่มเครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่น และชาวบ้านจาก อ.จะนะ จ.สงขลา ได้กลับมา รวมตัวที่กรุงเทพฯ อีกครั้ง เพื่อแสดงจุดยืนและเรียกร้องให้รัฐบาลทำตามสัญญาที่เคยให้ไว้เกี่ยวกับโครงการนิคมอุตสาหกรรมจะนะ

ข้อกังวลสำคัญของชาวจะนะ คือ ลักษณะการออกแบบและดำเนินโครงการที่ไม่สอดคล้องกับวิถีชีวิตของชาวจะนะ รวมทั้งอาจส่งผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งเป็นแหล่งรายได้ในการทำมาหากิน แต่ชาวจะนะกลับได้รับการตอบรับจากรัฐบาลด้วยการสลายการชุมนุมอย่างรุนแรง และจับกุมผู้ชุมนุมอย่างน้อย 30 คน ซึ่งเกือบทั้งหมดเป็นผู้หญิงและผู้สูงอายุ

นอกจากกรณีของกลุ่มเครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่นแล้ว ยังมีอีกหลายครั้งที่เสียงของชาวบ้านหรือประชาชนกลุ่มอื่น ๆ ถูกจำกัดและไม่ได้รับการรับฟังอย่างจริงจัง เพราะ “กระบวนการรับฟังความเห็น” มักถูกทำให้เป็นเพียงพิธีกรรมที่กฎหมายกำหนด หรือเป็นเครื่องมือเพื่อทำให้การตัดสินใจของภาครัฐนั้นชอบด้วยกฎหมาย โดยไม่คำนึงถึงความเห็นของผู้ที่ได้รับผลกระทบอย่างแท้จริง ซึ่งขัดกับเจตนารมณ์ของกฎหมายและหลักการของการรับฟังความคิดเห็น จนนำไปสู่ความขัดแย้งและความรุนแรงระหว่างรัฐและประชาชนมากยิ่งขึ้น

เมื่อไหร่ก็ตามที่มีโครงการพัฒนาขนาดใหญ่เกิดขึ้น ความขัดแย้งและความเห็นต่างเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ แต่ภาครัฐหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องไม่ทำให้ความขัดแย้งบานปลาย โดยต้องสร้างความยุติธรรมด้านกระบวนการ (procedural fairness) ในการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน จึงจะช่วยภาครัฐและกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายรัฐเข้าใจซึ่งกันและกัน

ความยุติธรรมด้านกระบวนการ (procedural fairness) จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อการรับฟังความคิดเห็นนั้นมีกระบวนการที่โปร่งใสและมีความสม่ำเสมอ (consistency and transparency) ภาครัฐหรือผู้รับผิดชอบการรับฟังความคิดเห็นต้องเข้าใจวัตถุประสงค์และความสำคัญของการรับฟัง ความคิดเห็นอย่างแท้จริง

วิธีการรับฟังความคิดเห็นจะต้องมีกระบวนการที่สามารถตรวจสอบได้ และป้องกันไม่ให้ประโยชน์ของหน่วยงานหรือกลุ่มทุนมากระทบความถูกต้องของกระบวนการรับฟังความคิดเห็น

ที่สำคัญการรับฟังความคิดเห็น จะต้องถูกออกแบบให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่มสามารถแสดงความเห็นได้โดยง่าย โดยเฉพาะชุมชนที่อยู่ห่างไกล นอกจากนี้ผู้ที่จะเข้าร่วมกระบวนการดังกล่าวต้องสามารถเข้าถึงข้อมูลทั้งหมดที่จำเป็น เพื่อประกอบการให้ความคิดเห็นต่อโครงการได้

ความเห็นของทั้งผู้สนับสนุนและผู้คัดค้านโครงการต้องได้รับการเคารพ ถูกรับฟังอย่างเท่าเทียมกัน โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องสร้างพื้นที่ที่ปลอดภัยเพื่อส่งเสริมการแสดงความเห็นอย่างอิสระ

หลักการนี้ได้รับการสนับสนุนโดยศาลปกครองสูงสุดในคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อส.14/2562  ศาลได้เพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานแห่งหนึ่ง เนื่องจากการปิดประกาศและแจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับโครงการที่ไม่ทั่วถึง ซึ่งทำให้ชาวบ้านในพื้นที่ไม่ทราบมาก่อนว่าจะมีการตั้งโรงงานและไม่ได้ใช้สิทธิคัดค้านหรือแสดงความเห็นต่อโครงการ

ศาลปกครองในคดีนี้ได้คุ้มครองสิทธิของประชาชน ในการได้รับทราบข้อมูลเกี่ยวกับโครงการอย่างทั่วถึง รวมถึงสิทธิแสดงความคิดเห็นต่อหน่วยงานของรัฐและโครงการที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิตของประชาชนในบริเวณใกล้เคียง

ในกรณีของโครงการนิคมอุตสาหกรรมจะนะ เห็นได้อย่างชัดเจนว่าชาวบ้านและเครือข่ายที่ประท้วงมีความกังวลเรื่องผลกระทบที่โครงการอาจมีต่อทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการดำรงชีวิตของชาวบ้าน เห็นได้จากคำเรียกร้องของชาวจะนะที่ต้องการให้รัฐบาลจัดทำการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ (Strategic Environ mental Assessment : SEA) ก่อนที่จะเริ่มโครงการ โดยต้องให้ความสำคัญกับการบูรณาการ ด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม เพื่อให้โครงการสามารถดำเนินต่อได้อย่างยั่งยืนและสอดคล้องกับบริบทท้องถิ่น

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าที่ผ่านมาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ ได้จัดสัมมนาเพื่อรับฟังความเห็นสาธารณะสำหรับโครงการนิคมอุตสาหกรรมจะนะตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน พ.ศ.2548 แล้ว แต่ในทางปฏิบัติกระบวนการดังกล่าวยังมีจุดบกพร่องหลายประการ การที่โครงการได้รับอนุมัติก่อนที่จะมีกระบวนการรับฟังความคิดเห็นที่เหมาะสม แสดงให้เห็นว่าการรับฟังความคิดเห็นยังไม่ได้ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือพัฒนาโครงการที่แท้จริง

แม้กระทั่งเมื่อมีการรับฟังความคิดเห็นในภายหลัง รายงานข่าวต่าง ๆ เผยว่าเจ้าหน้าที่ได้ติดตามและเข้าพบบุคคลที่ต่อต้านโครงการก่อนการรับฟังความคิดเห็น ทำให้ชาวบ้านหลายกลุ่มหลีกเลี่ยงการเข้าร่วมกระบวนการดังกล่าวเนื่องจากความกลัวและเพื่อเป็นการแสดงความต่อต้านต่อกระบวนการที่พวกเขาเห็นว่าไม่เป็นธรรมตั้งแต่แรก

การรับฟังความคิดเห็นของประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นเครื่องมือสำคัญที่สร้างความไว้วางใจต่อภาครัฐ และทำให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบรู้สึกว่ามีคนรับฟังและให้ความสำคัญกับข้อกังวลของพวกเขา ซึ่งมีส่วนสำคัญที่ลดความขัดแย้งระหว่างรัฐกับประชาชน

การปรับปรุงโครงการตามความเห็นและข้อกังวลดังกล่าว ยังมีส่วนทำให้โครงการได้รับการยอมรับและมีความยั่งยืนมากยิ่งขึ้น ดังนั้น หากภาครัฐต้องการเอาชนะใจของประชาชนและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องต่าง ๆ การรับฟังความคิดเห็นจะต้องไม่เป็นเพียงพิธีกรรม แต่ต้องทำอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อประโยชน์ประชาชนของอย่างแท้จริง

บทความ โดย ดลดา คะสาร นักวิจัยด้านกฎหมายเพื่อการพัฒนา

เผยแพร่ครั้งแรกใน กรุงเทพธุรกิจ เมื่อ 24 มีนาคม 2565


ผลงานล่าสุดจากทีดีอาร์ไอ