พัฒนาทักษะคนทุกช่วงวัย พาไทยสู่ประเทศรายได้สูง

ก้าวสู่ปี 2566 ตลาดแรงงานทั่วโลกเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว จากปัจจัยด้านโครงสร้างประชากรและการปรับใช้เทคโนโลยี แต่ตลาดแรงงานของประเทศไทยยังวนเวียนกับปัญหาเดิม เช่น ปัญหาการว่างงาน ในบัณฑิตจบใหม่และการว่างงานช่วงโควิด ปัญหาจับคู่ระหว่างแรงงานจบใหม่และความต้องของผู้ประกอบการ ระบบการเยียวยาและให้ความช่วยเหลือแรงงานไม่มีประสิทธิภาพ การบริหารจัดการแรงงานต่างด้าวที่ล้มเหลว เป็นต้น

แม้ว่าที่ผ่านมา ภาครัฐพยายามใช้นโยบายแก้ปัญหาเหล่านี้แต่ไม่ประสบความสำเร็จ จึงเป็นสาเหตุสำคัญของการพัฒนาแรงงานเพื่อยกระดับรายได้ทำได้ยาก และการนำพาประเทศไปสู่ประเทศรายได้สูงภายใน 20 ปี ตามเป้าหมายในแผนยุทธศาสตร์ชาติที่กำหนดไว้ตั้งแต่ปี 2560 นั้น จึงดูไกลออกไป

เพื่อสร้างความเป็นไปได้และวางแผนให้ประเทศไทยก้าวผ่านผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในด้านแรงงานและเดินหน้าไปสู่การเป็นประเทศรายได้สูงอย่างยั่งยืน คณะผู้วิจัย ทีดีอาร์ไอ โดยการสนับสนุนทุนวิจัยจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ จึงได้ศึกษาจัดทำโครงการ “นโยบายและมาตรการเพื่อรองรับและป้องกันผลกระทบของ COVID-19 ต่อแรงงานและการจ้างงาน” เพื่อวิเคราะห์เจาะลึกตลาดแรงงาน

โดยต่อยอดจากการศึกษาภาพอนาคตประเทศไทยในทิศทางที่ควรจะเป็น ด้วยการเปลี่ยนผ่านโครงสร้างประเทศด้านการ กระจายอำนาจและการการพัฒนาเศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) ของ ศ.ดร.มิ่งสรรพ์ ขาวสะอาด ผู้อำนวยการสถาบันศึกษานโยบายสาธารณะ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่และทีมวิจัย

งานศึกษาของ ศ.ดร.มิ่งสรรพ์ และคณะ ได้นิยามฉากทัศน์แห่งความสำเร็จของการเป็นประเทศรายได้สูงนี้ว่า บัวพ้นน้ำ ไทยวิวัฒน์ โดยการศึกษาของทีดีอาร์ไอ ได้นำแนวคิดดังกล่าวมาเป็นกรอบวิเคราะห์เสนอกลไกการพัฒนาประเทศเพื่อการยกระดับไปสู่การมีรายได้สูง ภายใต้การชี้นำของอุตสาหกรรมเป้าหมายเศรษฐกิจสีเขียวที่ครอบคลุมด้านพลังงาน เกษตร อาหาร เทคโนโลยี และท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ โดยมีอุตสาหกรรมดิจิทัลเป็นตัวช่วย

ผ่านการเสริมเติมทักษะให้คนไทยทุกช่วงวัยมีความพร้อมในการปรับตัว เริ่มตั้งแต่การเพิ่มพูนทักษะความเป็น ผู้ประกอบการผ่านการเรียนรู้ตลอดชีวิตแบบบูรณาการ ตามข้อเสนอแนะเชิงนโยบายสำหรับคนทุกช่วงวัย

สำหรับวัยอนุบาล-ประถมศึกษาตอนต้น งานศึกษาได้เสนอให้ยกเลิกการสอบ กลางภาค-ปลายภาค และแทนด้วยการให้น้ำหนักกับการเล่นปนเรียนเพื่อบ่มเพาะทักษะพื้นฐานที่จำเป็น อาทิ การคำนวณ การจัดการด้านการเงิน การใช้ภาษา และการใช้เทคโนโลยี ภายใต้การเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางจิตใจให้มีความยืดหยุ่นทางความคิด เรียนรู้จากความผิดพลาด มีความรับผิดชอบในตัวเอง

สำหรับวัยประถมศึกษาตอนปลายและมัธยมศึกษาตอนต้น งานศึกษาได้เสนอให้ปลูกฝังความคิดแบบผู้ประกอบการและการสร้างรายได้ เตรียมความพร้อมในการค้นหาตนเองและเข้าสู่ตลาดแรงงาน

สำหรับผู้เรียนระดับอุดมศึกษา ในงานศึกษาได้เสนอให้เพิ่มความยืดหยุ่นในการศึกษาและการสร้างทักษะที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน เชื่อมโยงการศึกษาและการทำงานโดยรับรองการนับหน่วยกิตจากการทำงานจริง โดยรัฐสมทบเงินออมในส่วนของนายจ้างให้กับนักศึกษาฝึกงาน

สำหรับผู้สูงอายุ งานศึกษาได้เสนอให้ สร้างการมีส่วนร่วมระหว่างผู้สูงอายุกับชุมชนผ่านกิจกรรมจิตอาสา ฝึกอาชีพ แบ่งปัน ประสบการณ์ ควบคู่ไปกับการรักษาสุขภาพกายและจิต รวมทั้งมีการอุดหนุนเงินฝึกอบรม แบบมีเงื่อนไขให้แรงงานรับการพัฒนาทักษะที่ตลาดแรงงานต้องการ

การดำเนินการพัฒนาคนในทุกช่วงวัยทั้งวงจรชีวิตนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับหน่วยงานผู้รับผิดชอบหลากหลายด้าน โดยไม่อาจ แยกส่วนการทำงานระหว่างบทบาทการศึกษา การพัฒนาทักษะ การทำงาน การดูแลสุขภาพ และการจัดการด้านรัฐสวัสดิการออกจากกันได้

ในทางปฏิบัติ ความยุ่งยากซับซ้อนในการบูรณาการการทำงานระหว่างภาครัฐ วิชาการ สถานศึกษาและเอกชน เป็นสิ่งกีดขวางทัศนวิสัยแห่งความสำเร็จในการพัฒนาประเทศ ทำให้นักพัฒนาจำนวนมากเกิดความท้อถอยและไม่อาจเดินหน้าต่อไปได้

เครื่องมือสำคัญที่จะทำให้เราสามารถก้าวข้ามอุปสรรคในการสร้างความร่วมมือ คือ การใช้ประโยชน์จากข้อมูลแรงงาน อาทิ ข้อมูลแรงงานในระบบ-นอกระบบ ทักษะแรงงาน ข้อมูลสวัสดิการแรงงาน และความต้องการแรงงานของนายจ้าง

การศึกษานี้ นอกจากมีข้อเสนอ เสริมเติมทักษะให้คนไทยทุกช่วงวัยแล้ว ยังได้เสนอสร้างวิสัยทัศน์ด้าน ข้อมูลแรงงานที่ชัดเจน ร่วมกันระหว่างภาครัฐ วิชาการ สถานศึกษาและเอกชน เพื่อมุ่งยกระดับรายได้ต่อหัว และเปิดโอกาสให้ผู้ดำเนินงานได้เห็นภาพรวมของการใช้งานข้อมูลทั้งระบบ ไม่จำกัดเฉพาะข้อมูลที่ตนเองเกี่ยวข้อง บนพื้นฐานด้านโครงสร้างพื้นฐานด้านข้อมูลกลาง อาทิ คลาวด์กลางภาครัฐ และระบบธรรมาภิบาลด้านข้อมูล

เมื่อมีวิสัยทัศน์ด้านข้อมูล ร่วมกันแล้ว ความท้าทายคือการทำให้เกิดผลสัมฤทธิ์จากการใช้งานข้อมูลเกิดขึ้นได้จริงซึ่งควรคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศเป็นที่ตั้ง และใช้จุดแข็งของการทำงานทั้งในภาครัฐ เอกชน และภาควิชาการ ร่วมกัน

ในอดีตโครงสร้างทะเบียนแรงงานอาจอยู่เพียงในอุดมคติหากเราพูดถึงแนวคิดนี้ แต่การขึ้นทะเบียนข้อมูลภาครัฐ และความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีข้อมูล ขนาดใหญ่ในภาคเอกชน ควบคู่ไปกับการตื่นตัวในการใช้งานระบบดิจิทัลในวงกว้างของคนไทยส่วนใหญ่ของประเทศในปัจจุบัน กำลังเปิดโอกาสสำคัญให้ประเทศก้าวไปสู่ การบูรณาการการทำงานร่วมกัน สร้างความหวัง ให้นักพัฒนา และทำให้ทัศนวิสัยแห่งความสำเร็จของการเป็นประเทศรายได้สูง “บัวพ้นน้ำไทยวิวัฒน์” ชัดเจนและเป็นไปได้ยิ่งขึ้น

บทความโดย อลงกรณ์ ฉลาดสุข นักวิจัย ทีมวิเคราะห์ตลาดแรงงาน สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย และ นครินทร์ อมเรศ ธนาคารไทยพาณิชย์

เผยแพร่ครั้งแรกใน กรุงเทพธุรกิจ เมื่อ 12 มกราคม 2566


ผลงานล่าสุดจากทีดีอาร์ไอ