tdri logo
tdri logo
28 มกราคม 2025
Read in 5 Minutes

Views

แผ้วถางเส้นทางลงทุน: แนวนโยบายสำหรับคนไกลตลาดทุน

จากบทความก่อนหน้า ตลาดทุนของใคร? หมอบุญหรือป้าบัว: มาตรการยกระดับการเข้าถึงตลาดทุนอย่างทั่วถึง TDRI ได้แสดงให้เห็นว่ามีความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึง และใช้ประโยชน์จากตลาดทุนระหว่างผู้ไม่เคยลงทุน นักลงทุนรายย่อย และนักลงทุนรายใหญ่

คำถามสำคัญที่ตามมา นั่นคือจะทำอย่างไรให้ทุกคนสามารถเข้าถึงตลาดทุนได้ และไม่ “เจ็บตัว” จากการลงทุนเกินกว่าที่เจ้าตัวจะรับได้

บทความนี้จะย้อนกลับมาทำความเข้าใจกับคนที่ยังไม่ได้ลงทุน ซึ่งจำนวนมากอาจเรียกว่าเป็น “คนไกลตลาดทุน” เพราะเขารู้สึกว่าตลาดทุนเป็นเรื่องไกลตัวมาก ไม่รู้จัก (กระทั่งไม่อยากรู้จัก) ไม่กล้า กลัว เพื่อนำความเข้าใจมาออกแบบนโยบายหรือมาตรการที่จะดึงให้เขาเข้าใกล้หรือกระทั่งเข้ามาลงทุนในตลาดทุนอย่างเหมาะสม เพื่อประโยชน์ทางการเงินในระยะยาว โดยจะเน้นคนไกลตลาดทุนที่เป็นรายเล็กรายน้อย ที่อาจมีรายได้ไม่มากนัก เช่นกรณีของป้าบัวในบทความก่อนหน้า

การสร้างความเข้าใจจะทำผ่านการนำเสนอ “เส้นทางการเข้าสู่ตลาดทุน” หรือ Investment Journey ที่อาจเปลี่ยนคนธรรมดาเดินดินที่ไม่ได้มีความสนใจลงทุนมาเริ่มลงทุนจนกลายเป็นผู้ลงทุนเป็นประจำ มีการกระจายสินทรัพย์ลงทุนอย่างเหมาะสม

โดยในเส้นทางดังกล่าว จะระบุ “คอขวด” ในแต่ละหมุดหมายของเส้นทาง ที่อาจต่างกันออกไประหว่างแต่ละกลุ่มคน และเสนอมาตรการที่ช่วยบรรเทาปัญหาคอขวดดังกล่าว

เส้นทางการลงทุนประกอบด้วย 4 หมุดหมายหรือจุดเปลี่ยนที่สำคัญ คือ (1) สนใจลงทุนหรือไม่ (2) มีเงินออมที่พร้อมเอามาลงทุนหรือไม่ (3) ศึกษาและเลือกสินทรัพย์ลงทุนได้เหมาะสมหรือไม่ (4) ตัดสินใจลงทุนหรือไม่ ลงทุนเป็นประจำหรือไม่

สนใจลงทุน

คนไกลตลาดทุนมักจะไม่มีความสนใจในตลาดทุน จึงจำเป็นต้องกระตุ้นหรือให้ความรู้ ความเข้าใจที่จะสร้างความสนใจ โดยอาจต้องโยงประโยชน์จากตลาดทุนไปที่เรื่องใกล้ตัวที่เขาให้ความสำคัญ เช่น ความมั่นคงทางการเงินจะทำให้เขาเป็นที่พึ่งให้แก่คนรัก และครอบครัวได้ (มีเงินเพียงพอเลี้ยงดูครอบครัวและบุพการี) คลายความกังวลกับการเกษียณ ช่วยรักษามูลค่าเงินในภาวะเงินเฟ้อต่อเนื่อง และได้ประโยชน์จากการลดหย่อนภาษี (จากการซื้อกองทุนรวมประเภท SSF หรือ RMF Thai ESG Fund ที่เอามาลดหย่อนภาษีได้)

บางส่วนก็ไม่สนใจลงทุนเพราะเห็นว่าการลงทุนในตลาดทุนเป็นเรื่องซับซ้อน จึงควรแก้ไขเรื่องนี้โดยทำให้ช่องทางการลงทุนเป็นเรื่องง่าย และใกล้ตัวเขามากขึ้น ในปัจจุบันสามารถลงทุนในมือถือผ่านช่องทางแอปพลิเคชันของธนาคารพาณิชย์ หรือทางแอปพลิเคชัน “เป๋าตังค์” ได้

มีเงินออมพอ

คอขวดเรื่องเงินออมสำหรับคนไกลตลาดทุนมีสามเรื่องคือ 1. มีความฝังใจว่าการลงทุนในตลาดทุนต้องใช้เงินมาก 2. ไม่สามารถจัดการบริหารเงินตัวเองจนเหลือ “เงินเย็น” มาลงทุนในตลาดทุนได้ และ3. จัดสรรเงินไปลงทุนในเรื่องอื่นที่ไม่ใช่ตลาดทุน เช่น อสังหาริมทรัพย์ ทำให้ไม่เหลือเงินมาลงทุนในตลาดทุน

นโยบายสำหรับเรื่องแรกคือการสื่อสารให้ชัดว่าเป็นเรื่องไม่จริง ปัจจุบันการลงทุนหลายเรื่องใช้เงินน้อยมาก ในหลักร้อยบาทเท่านั้น อาจเสริมด้วยการ “เล่าเรื่อง” ของนักลงทุนรายย่อยตัวจริงที่มีชีวิตความเป็นอยู่ใกล้เคียงกับคนไกลตลาดทุน เช่น เป็นพนักงานทำความสะอาด เป็นต้น

สำหรับเรื่องการบริหารจัดการเงิน เป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องส่งเสริมอย่างจริงจัง เพราะแก้ปัญหาสำคัญ ๆ เช่นการเพิ่มการออม การลดหนี้ครัวเรือน และการมีเงินเหลือมาลงทุน มีมาตรการหลายเรื่องที่สามารถทำได้ (อ่านเพิ่มเติมได้จากหลายบทความของ TDRI[1]) ส่วนการจัดสรรเงินลงทุนนั้น ควรทำความเข้าใจเรื่องประโยชน์จากการกระจายลงทุนในสินทรัพย์หลายประเภท ไม่ควรทุ่มเงินออมทั้งหมดในสินทรัพย์เดียวเท่านั้น

ศึกษาและเลือกสินทรัพย์ลงทุน

การจะลงทุนให้ได้ประโยชน์ และไม่สุ่มเสี่ยงเกินไปจนอาจกระทบเงินออมระยะยาวนั้น จำเป็นต้องมีการศึกษาการลงทุนอย่างเพียงพอ สามารถทำการเลือกสินทรัพย์ที่ตรงกับความสามารถในการรับความเสี่ยง เหมาะกับความชอบ ผู้ที่ตัดสินใจลงทุนมักจะตัดสินใจลงทุนเมื่อมั่นใจระดับหนึ่งถึงความรู้ของตนเอง (ซึ่งอาจจะมาจากการศึกษาเอง หรือรับฟังจากคนอื่นอีกที) นโยบายในเรื่องนี้จึงต้องเน้นการให้ความรู้ที่ถูกต้อง มีหลากหลายช่องทางและหลากหลายเนื้อหา เพื่อให้ผู้จะลงทุนเลือกที่เหมาะสมกับตัวเองได้ มีระบบการควบคุมการเผยแพร่ความรู้ที่ไม่ถูกต้อง การหลอกลวงต่าง ๆ เป็นต้น

นอกจากความรู้แล้ว ทัศนคติต่อการลงทุนในตลาดทุนก็เป็นเรื่องสำคัญ ควรสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการลงทุนว่ามีความเสี่ยงเสมอ ต้องสามารถยอมรับความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะหลังจากมีการบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสมแล้ว

เริ่มลงทุนและลงทุนเป็นประจำ

เป้าหมายสุดท้ายเชิงนโยบายสำหรับคนไกลตลาดทุน คือพวกเขาพร้อมและเริ่มเข้ามาลงทุน ได้รับประโยชน์อันพึงได้ จนนำไปสู่การเป็นนักลงทุนประจำ โดยช่วงเริ่มต้น อาจเป็นการลองชิมลาง ด้วยจำนวนน้อย และถือระยะสั้น จนเกิดการเพิ่มสัดส่วนการลงทุนมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งนอกเหนือจากนโยบายการกระตุ้นความสนใจ (หรือรักษาระดับความสนใจไม่ให้ลดน้อยลง) การบริหารจัดการเงิน การให้ความรู้แล้ว อีกนโยบายที่จำเป็นคือการปกป้องนักลงทุนรายย่อย ไม่ให้เสียเปรียบนักลงทุนรายใหญ่ สามารถรักษาตัวจากการ “ปั่นหุ้น” ได้

ภาพที่ 1 สรุปJourney การลงทุน ของผู้ลงทุนรายย่อยไทย

ที่มา : คณะผู้วิจัยทีดีอาร์ไอ

โดยสรุป ในเส้นทางการเข้าสู่ตลาดทุนของคนไกลตลาดทุนนั้น ความสนใจ ความพร้อม และความรู้ เป็นองค์ประกอบที่สำคัญ นโยบายที่ช่วย “แผ้วทาง” บนเส้นทางนี้ต้องมีความเหมาะสมสำหรับแต่ละกลุ่มเป้าหมาย ผู้ออกแบบนโยบายต้องมีความเข้าใจในบริบทของสังคมไทย ตลาดทุน และจิตวิทยาที่เกี่ยวข้อง หากไม่สามารถทำได้จะนำไปสู่ปัญหารายทาง เช่น การเรียนรู้ยังไม่ถูกต้องตามหลักวิชา เนื้อหาที่เรียนมา ไม่สอดคล้องกับโลกความเป็นจริง ส่งผลให้แม้จะสามารถดึงคนมาตลาดทุนได้แล้วก็อาจจะล้มเลิกไป ด้วยประสบการณ์ที่ไม่ดี และทัศนคติที่ไม่ถูกต้อง

บทความโดย : สพล ตัณฑ์ประพันธ์ นักวิจัยนโยบายด้านการพัฒนาอย่างทั่วถึง ทีดีอาร์ไอ

บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของชุดเอกสารเผยแพร่และสื่อสารองค์ความรู้และผลการศึกษาต่อสาธารณะ ภายใต้โครงการวิจัยเรื่อง “การยกระดับการออมผ่านช่องทางตลาดทุน” ซึ่งอยู่ระหว่างการวิจัย โดย ทีดีอาร์ไอ และการสนับสนุนจากกองทุนส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุน (CMDF)


1. เหตุผลที่คนไทย “แก่ก่อนรวย” มองจากมุม “อคติเชิงพฤติกรรม”

2. โจทย์แห่งอนาคต “แก่ดีมีออม” เก็บแบบไหนให้มีเงินใช้จนวันสุดท้าย

3. “คุณสู้ เรา (ควร) ช่วย (อย่างไร?)” เปลี่ยนมุมคิด…พิชิตหนี้อย่างยั่งยืน

นักวิจัย

แชร์บทความนี้

เรื่องที่คุณอาจสนใจ

ดูทั้งหมด