tdri logo
tdri logo
30 มกราคม 2025
Read in 5 Minutes

Views

เมื่อประธานาธิบดีทรัมป์เขย่าโลก: สหรัฐฯ ถอนตัว Global Minimum Tax

สหรัฐอเมริกา ภายใต้รัฐบาลของประธานาธิบดี “โดนัลด์ ทรัมป์” ได้ถอนตัวจากข้อตกลงภาษีเงินได้นิติบุคคลขั้นต่ำทั่วโลก ขององค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) โดยถอนตัวจากเสาหลักที่สอง (Pillar2) ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อลดปัญหาการหลีกเลี่ยงภาษีของบรรษัทข้ามชาติ (MNCs – Multinational Corporations) ที่กำหนดให้บริษัทขนาดใหญ่ (รายได้เกิน 750 ล้านยูโรหรือประมาณ 2.9 หมื่นล้านบาทต่อปี) ต้องเสียภาษีในอัตราขั้นต่ำทั่วโลก ไม่น้อยกว่า 15%

การตัดสินใจนี้ได้รับการยืนยันผ่านคำสั่งของประธานาธิบดีลงวันที่ 20 มกราคม 2568 ที่ระบุว่า สหรัฐฯ จะไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงนี้ และจะไม่บังคับใช้กฎนี้ในประเทศโดยให้เหตุผลเกี่ยวกับ อธิปไตยของชาติ และความเสียเปรียบทางการแข่งขันที่อาจเกิดขึ้นกับบรรษัทข้ามชาติของสหรัฐฯ (MNCs)

Pillar Two ทำงานอย่างไร?

​หลักการของ Pillar Two คือ “Top-up Tax” หรือ การเติมภาษีให้ถึงอัตราขั้นต่ำ 15% โดย กำหนดเป้าหมายไปที่บรรษัทข้ามชาติขนาดใหญ่ มีรายได้เกิน 750 ล้านยูโร หรือ ประมาณ 2.9 หมื่นล้านบาทต่อปี) ซึ่งหากบริษัทตั้งอยู่ในประเทศที่มีอัตราภาษีต่ำกว่า 15% ระบบ “Top-up Tax” จะบังคับให้บริษัทต้องจ่ายภาษีเพิ่มเติม ให้ครบ 15% นั่นหมายถึง ไม่ว่าบริษัทจะย้ายไปประเทศใดก็ตาม ก็ต้องเสียภาษีขั้นต่ำ 15% อยู่ดี ดังนั้น ประเทศที่มีอัตราภาษีต่ำจะไม่สามารถใช้ “อัตราภาษี” เป็นเครื่องมือในการดึงดูดบรรษัทข้ามชาติได้อีกต่อไป นับเป็น มาตรการระดับสากลที่ป้องกันไม่ให้บริษัทใหญ่ใช้ช่องโหว่ทางภาษีเพื่อเลี่ยงภาระภาษีของตนเอง​ เช่น การย้ายกำไรไปยังประเทศที่มีอัตราภาษีต่ำ หรือ ไม่มีภาษีเลย เพื่อลดภาระภาษีที่ต้องจ่าย

เหตุผลหลักของรัฐบาลประธานาธิบดีทรัมป์

ข้อตกลง Pillar Two อาจสร้างปัญหาให้กับสหรัฐฯ ในสองด้าน แม้ว่ารัฐบาลของประธานาธิบดีทรัมป์จะปฏิเสธข้อตกลงนี้ไปแล้วก็ตาม

1.บริษัทของสหรัฐฯ ต้องจ่ายภาษีในต่างประเทศมากขึ้น เมื่อบริษัทสหรัฐฯ ต้องจ่ายภาษีสูงขึ้นในต่างประเทศ รายได้ของผู้ถือหุ้นในบริษัทของสหรัฐฯ ก็ลดลง นอกจากนี้รัฐบาลสหรัฐฯ จะเก็บภาษีได้น้อยลง เพราะสหรัฐฯ มีนโยบายให้ “เครดิตภาษี” สำหรับภาษีที่บริษัทจ่ายไปในต่างประเทศ นั่นหมายความว่า ยิ่งบริษัทอเมริกันจ่ายภาษีในต่างประเทศมากขึ้น รัฐบาลสหรัฐฯ ก็ต้องลดภาษีในประเทศลงให้บริษัทเหล่านี้ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อรายได้ของรัฐบาล

2.กฎ Under-Taxed Profits Rule – UTPR ภายใต้ Pillar Two เปิดทางให้ประเทศต่าง ๆ สามารถเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติมจากบริษัทที่จ่ายภาษีต่ำกว่า 15% ในประเทศอื่น ๆ ได้ แม้ว่าบริษัทนั้นจะไม่ได้เป็นบริษัทของประเทศที่เรียกเก็บภาษี ซึ่งจะกระทบอย่างมากกับบริษัทสหรัฐฯ หลายแห่ง โดยเฉพาะใน อุตสาหกรรมเทคโนโลยีและนวัตกรรม ที่ได้ใช้การลดหย่อนภาษีสำหรับการลงทุนด้าน R&D ทำให้บริษัทเหล่านี้เสียภาษีในอัตราที่ต่ำ หาก UTPR ถูกใช้ ประเทศอื่น ๆ อาจมองว่าบริษัทเหล่านี้จ่ายภาษีต่ำเกินไป และเรียกเก็บภาษีเพิ่มเพื่อให้ถึง 15%

ขณะนี้ รัฐบาลประธานาธิบดีทรัมป์ปฏิเสธ Pillar Two แต่ไม่มีการปิดกั้นโอกาสที่สหรัฐฯ อาจปรับนโยบายภาษีบางส่วนให้สอดคล้องในอนาคต อย่างไรก็ตาม การที่สหรัฐฯ จะปรับกฎหมายให้เป็นไปตาม Pillar Two อย่างสมบูรณ์นั้นเป็นไปได้น้อยมาก และหากมีการปรับจริง อาจเป็นเพียงการแก้กฎหมายเพียงบางข้อให้ใกล้เคียงกับ Pillar Two แทนที่จะยอมรับข้อตกลงทั้งหมด

แนวโน้มหลังจากการถอนตัวของสหรัฐฯ จาก Pillar Two

แม้ว่าสหรัฐฯ จะปฏิเสธการเข้าร่วม Pillar Two ของ OECD แต่ประเทศอื่น ๆ โดยเฉพาะในกลุ่ม G7 และ OECD ยังคงเดินหน้าบังคับใช้ภาษีขั้นต่ำ 15% ต่อไป ซึ่งหมายความว่าบริษัทอเมริกันที่มีธุรกิจในประเทศเหล่านั้นยังคงต้องจ่ายภาษีขั้นต่ำ 15% อยู่ดี แม้ว่าสหรัฐฯ จะไม่เข้าร่วมข้อตกลงก็ตาม การถอนตัวของสหรัฐฯ อาจทำให้ระบบภาษีระหว่างประเทศขาดความเป็นเอกภาพ และเพิ่มความซับซ้อนในการบังคับใช้กฎระเบียบทางภาษี เนื่องจากบางประเทศบังคับใช้ Pillar Two ขณะที่บางประเทศ เช่น สหรัฐฯ และบางประเทศในอาเซียนยังไม่เข้าร่วม ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อโครงสร้างทางภาษีของบริษัทข้ามชาติที่ต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบที่แตกต่างกันในแต่ละประเทศ 

สมาชิกพรรครีพับลิกันในสภาคองเกรสมีท่าทีชัดเจนว่าสหรัฐฯ จะไม่ยอมให้ประเทศอื่นเก็บภาษีบริษัทของสหรัฐฯ ผ่านกฎ UTPR ได้โดยง่าย และหากมีการดำเนินการดังกล่าว สหรัฐฯ อาจตอบโต้ด้วยมาตรการทางเศรษฐกิจ หรือการใช้มาตรการอื่น ๆ เพื่อลดผลกระทบที่เกิดขึ้นกับบริษัทอเมริกัน

การตอบโต้ของสหรัฐฯ อาจทำให้เกิดความตึงเครียดทางเศรษฐกิจระหว่างสหรัฐฯ กับ EU และประเทศอื่น ๆ ที่บังคับใช้ Pillar Two อย่างเข้มงวด ในขณะเดียวกัน ประเทศที่เข้าร่วม Pillar Two บางประเทศอาจมองว่าประเทศที่ไม่ได้เข้าร่วม (เช่น สหรัฐฯ) กำลังได้เปรียบทางภาษี และอาจใช้มาตรการกดดันให้สหรัฐฯ กลับเข้าสู่ข้อตกลง

แนวทางของประเทศไทย

ประเทศไทยได้มีการบังคับใช้ภาษีขั้นต่ำ 15% สำหรับบรรษัทข้ามชาติขนาดใหญ่ มาตั้งแต่ 1 มกราคม 2568 ซึ่งหมายความว่า การให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี เช่น การลดหย่อนหรือยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล แก่บรรษัทข้ามชาติที่มีรายได้เกิน 750 ล้านยูโร เพื่อดึงดูด FDI จะไม่ได้ผลอีกต่อไป เพราะหากไทยกำหนดอัตราภาษีต่ำกว่ามาตรฐาน OECD ประเทศแม่ของบริษัทสามารถเรียกเก็บ “Top-up Tax” ได้ ทำให้บริษัทไม่มีแรงจูงใจที่จะเลือกลงทุนในไทยเพราะสิทธิประโยชน์ทางภาษี

เพื่อรับมือกับความท้าทายนี้ ไทยควรพัฒนาเครื่องมือดึงดูดการลงทุนที่ไม่ใช่ภาษี เช่น การปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน การให้สิทธิประโยชน์ด้านแรงงาน และการสร้างสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เอื้อต่อการลงทุน นอกจากนี้ ไทยต้องติดตามนโยบายของประเทศที่ไม่ได้เข้าร่วมกฎเกณฑ์ทางภาษีของ OECD อย่างใกล้ชิด เพื่อให้สามารถปรับตัวและแข่งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพ การรักษาสมดุลระหว่างการปฏิบัติตามกฎของ OECD และความสามารถในการดึงดูดการลงทุนในภูมิภาคจะเป็นกุญแจสำคัญ ที่ทำให้ไทยยังคงเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจสำหรับธุรกิจข้ามชาติ

บทความโดยดร. สลิลธร ทองมีนสุข นักวิชาการอาวุโส ด้านกฎหมายดิจิทัลและการกำกับดูแลโครงสร้างพื้นฐาน ทีดีอาร์ไอ

เผยแพร่ครั้งแรก กรุงเทพธุรกิจ วันที่ 30 มกราคม 2568

อ้างอิง

Alan Cole. “Five Things to Know About Trump’s Global Minimum Tax Order.” Tax Foundation. January 22, 2025.

Bratton, Laura. “Trump’s Stargate AI Project Backed by OpenAI, Oracle, and SoftBank Is taking shape: Here’s what we know.” Yahoo Finance. January 24, 2025.

EY. US issues Executive Order on BEPS 2.0, January 23, 2025. https://globaltaxnews.ey.com/news/2025-0304-us-issues-executive-order-on-beps-20.

Jobbágy, Luca. “BEPS reform: The end of fiscal incentives to attract FDI?”The Columbia FDI Perspective. June 13, 2022.

OECD. Tax Challenges Arising from Digitalisation – Economic Impact Assessment: Inclusive Framework on BEPS. OECD/G20 Base Erosion and Profit Shifting Project. Paris: OECD Publishing, 2020. https://doi.org/10.1787/0e3cc2d4-en.

Wright, Carolyn. “US Issues Executive Order on BEPS 2.0.” https://Globaltaxnews.Ey.Com/News/2025-0304-us-issues-executive-order-on-beps-20. Ernst & Young LLP (United States), January 23, 2025, https://doi.org/2025-0304.

นักวิจัย

ดร. สลิลธร ทองมีนสุข
นักวิชาการอาวุโส

แชร์บทความนี้

เรื่องที่คุณอาจสนใจ

ดูทั้งหมด