tdri logo
tdri logo
30 เมษายน 2025
Read in 5 Minutes

Views

“ถอดรหัส 304” กำจัดจุดเสี่ยง เปลี่ยนทางหลวง ให้เป็นทางรอด

ตั้งแต่ต้นปี 2568 มีอุบัติเหตุใหญ่เกิดขึ้นบริเวณเขาศาลปู่โทน ถนนสาย 304 จ.ปราจีนบุรี  2 ครั้ง ผู้เสียชีวิตรวมกว่า 20 ศพ และบาดเจ็บมากกว่า 80 ราย

อุบัติเหตุทั้ง 2 ครั้งเกิดขึ้นในระยะเวลาไม่ถึง 2 เดือน จาก “รถบัส” ที่บรรทุกผู้โดยสารต้นทางภาคอีสาน มุ่งสู่ภาคตะวันออก 

ศ.ดร.กัณวีร์ กนิษฐ์พงศ์ ผู้จัดการศูนย์วิจัยอุบัติเหตุแห่งประเทศไทย (TARC) ไขปริศนาปัจจัยการเกิดอุบัติเหตุในพื้นที่ดังกล่าวในงานเสวนา Road Safety Talk: “ถอดรหัส 304 ปักหมุดปราจีนต้นแบบถนนปลอดภัย” ที่จ.ปราจีนบุรี ซึ่งจัดโดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ร่วมกับจังหวัดปราจีนบุรี และสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI)

โดยมองว่ามี 2 ส่วนที่เป็นปัจจัยสำคัญ คือ ลักษณะทางกายภาพ ซึ่งถนน 304 ในบริเวณเขาปู่โทน มีภูมิประเทศที่สูงชันและมีทางเขาที่ลาดลงถึงเปอร์เซ็นต์ 4-6% ประกอบกับ พฤติกรรมการขับขี่ ของคนขับที่ไม่คุ้นเคยกับถนนเส้นนี้

“ส่วนใหญ่รถใหญ่ ใช้เบรคลม ดังนั้นถ้าคนขับรถใหญ่ไม่คุ้นเคยเส้นทาง สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ลมเบรคหมด ทำให้เบรคไม่อยู่ สิ่งนี้เกิดขึ้นมาเป็น 20 ปีแล้ว รูปแบบคล้ายกันทั้งหมด นอกจากนี้ถนน 304 เป็นเส้นทางขนส่งยอดนิยมที่รถใช้เป็นเส้นทางเชื่อมต่อระหว่างทางภาคอีสานกับภาคตะวันออก ทำให้ปริมาณการจราจรสูงมาก ดังนั้นเมื่อมีรถเยอะขึ้น ความเสี่ยงก็สูงขึ้นตาม”

ศ.ดร.กัณวีร์ ระบุด้วยว่า แม้จะรับทราบถึงปัญหาทางกายภาพ แต่การแก้ไขปัญหายังมีข้อจำกัด เนื่องจากพื้นที่ด้านข้างเป็นพื้นที่ในเขตอุทยาน ทำให้แนวทางในการแก้ไขด้วยการปรับพื้นที่ถนนให้ลาดชันน้อยกว่านี้ทำได้ค่อนข้างยาก ที่ผ่านมาจึงมีความพยายามรณรงค์ให้ผู้ขับขี่รับทราบว่าเส้นนี้มีความเสี่ยง และเป็นเส้นนี้ที่ลาดลงเขายาวนาน ดังนั้นผู้ขับขี่ควรใช้เกียร์ต่ำเพื่อลดความเร็วลงแทนการใช้เบรคลมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะทำให้ลดเบรคหมดก่อนลงเขา

ศ.ดร.กัณวีร์ ชี้ให้เห็นว่าที่จริงแล้วมีหลายมาตรการลดอุบัติเหตุในเส้นทาง 304 แต่ยังพบข้อบกพร่องอยู่ ไม่ว่าจะเป็น  “จุดเช็คพอยท์” เพื่อให้รถใหญ่มาลงเวลาหยุดพักรถ ให้รถสามารถเก็บลมเข้าไปในระบบเบรคมากขึ้น เพื่อให้เพียงพอต่อการประคองลดลงเขา แต่มาตรการนี้ไม่ได้บังคับใช้กับรถทุกคัน ทำให้มีบางคันไม่ได้เข้าจุดพัก ซึ่งอุบัติเหตุใหญ่ทั้ง 2 ครั้งพบว่า ไม่มีการเข้าจุดพักรถแต่อย่างใด

ที่มา: เอกสารประกอบการนำเสนอโดยศ.ดร.กัณวีร์ กนิษฐ์พงศ์

ขณะเดียวกันยังมีในส่วนของ “แบริเออร์” ซึ่งพบว่า ไม่แข็งแรง และมีส่วนสูงที่ต่ำมาก ทำให้ไม่สามารถกั้นรถไม่ให้หลุดออกไปจากแนวถนนเวลาเกิดอุบัติเหตุได้ รวมทั้งประเด็น “ทางออกฉุกเฉิน” ที่การขาดการบำรุงรักษา ไม่พร้อมใช้งาน มีหญ้าขึ้นปกคลุม และป้ายทางออกฉุกเฉินมีขนาดเล็ก จนผู้ขับขี่ไม่ทราบว่าเป็นจุดหยุด รวมถึง “เส้นถนน” ที่ค่อนข้างเลือนลาง  

ผู้จัดการศูนย์วิจัยอุบัติเหตุแห่งประเทศไทย มีข้อแนะนำในระยะเร่งด่วน ดังนี้ 1.ปรับปรุงแบริเออร์ เป็นแบริเออร์ประเภทที่มีมาตรฐานสูง (High Containment Barrier) 2. บำรุงรักษาเส้นจราจร ป้ายจราจร และหลักนำทางให้มีความชัดเจนอยู่เสมอ 3.สร้างการรับรู้ตำแหน่งของทางออกฉุกเฉินให้ชัดเจน และ 4.บำรุงรักษาทางออกฉุกเฉินให้อยู่ในสภาพที่ดี พร้อมใช้งาน

ส่วนระยะยาวนั้นมี 2 แนวทางคือ แผนการก่อสร้างมอเตอร์เวย์แนวใหม่ ซึ่งจะเริ่มศึกษาในปี 2569 คาดว่าจะสามารถลดอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในถนน 304 ได้ และการปรับแนวเส้นทางของถนนให้มีความลาดชันลดน้อยลง ซึ่งจะต้องมีการพิจารณาร่วมกับทางอุทยานซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่

เปิดสถิติอุบัติเหตุ 304 ติดอันดับเส้นทางเสี่ยง

ดร.สุเมธ องกิตติกุล ผู้อำนวยการวิจัย ด้านนโยบายการขนส่งและโลจิสติกส์ ทีดีอาร์ไอ เปิดเผยผลการวิเคราะห์จุดเสี่ยงในจ.ปราจีนบุรี โดยระบุว่า ทางหลวงหมายเลข 304 เป็นหนึ่งในพื้นที่ที่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นติดอันดับของจ.ปราจีนบุรี โดยมี 3 อำเภอที่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นสูง คือ อ.เมือง อ.ศรีมโหสถ และอ.ศรีมหาโพธิ โดยเฉพาะบริเวณสวนอุตสาหกรรม 304 และทางหลวงหมายเลข 304

สถิติระหว่างปี 2562 – 2567 มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นบนถนน 304 ถึง 711 ครั้ง ในจำนวนนี้เป็นอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นบริเวณตอนที่ 0403 สี่แยกกบินทร์บุรี-วังน้ำเขียว มากที่สุดถึง 550 ครั้ง หรือคิดเป็น 77.4% ของอุบัติเหตุบนถนน 304 ทั้งหมด โดยมีผู้เสียชีวิตสะสมถึง 70 ราย บาดเจ็บกว่า 400 คน เพราะสภาพพื้นที่มีลักษณะผ่านชุมชน และนิคมอุตสาหกรรม รวมทั้งยังมีภูมิประเทศเป็นทางชัน

นอกจากนี้ยังมีช่วงกิโลเมตรที่ 209-211 หรือบริเวณศาลเจ้าพ่อปู่โทน ซึ่งเป็นระยะที่มีความชันมากที่สุดในพื้นที่จ.ปราจีนบุรี และที่ผ่านมามักเกิดอุบัติเหตุครั้งใหญ่ในบริเวณนี้ โดยสถิติพบว่ามีอุบัติเหตุคิดเป็น 32.5% ของอุบัติเหตุทั้งหมดที่เกิดขึ้นบนถนนสาย 304  

“ปราจีนบุรีพยายามดำเนินมาตรการค่อนข้างมากเพื่อแก้ปัญหาอุบัติเหตุ แต่ปราจีนบุรีเป็นจังหวัดที่มีเส้นทางที่มีรถผ่านทางมาก แล้วเกิดอุบัติเหตุสูงและยังเป็นอุบัติเหตุที่มีผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บมาก ดังนั้นถนนสาย 304 จึงมีความสำคัญหากไม่สามารถคุมสถานการณ์ในถนนเส้นนี้ได้ โอกาสที่จ.ปราจีนบุรีจะบรรลุเป้าหมายก็ทำค่อนข้างยาก” ดร.สุเมธ ระบุ

ติดตามมาตรการและข่าวสารแคมเปญลดอุบัติเหตุทางถนนในจ.ปราจีนบุรีได้ที่เพจ Road Safety ที่ปราจีน 

นักวิจัย

ดร. สุเมธ องกิตติกุล
รองประธานสถาบัน ดูแลงานด้านการบริหารระบบงานภายใน / ผู้อำนวยการวิจัย ด้านนโยบายการขนส่ง และโลจิสติกส์

แชร์บทความนี้

เรื่องที่คุณอาจสนใจ

ดูทั้งหมด