tdri logo
tdri logo
8 พฤษภาคม 2025
Read in 5 Minutes

Views

สำรวจสถานะความพร้อม AI ของไทย ภายใต้กรอบ UNESCO RAM

การประชุมว่าด้วยการรับรองรายงานการประเมินความพร้อมด้านปัญญาประดิษฐ์ของประเทศไทย (RAM) ภายใต้กรอบการดำเนินงานของ UNESCO

สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (NECTEC), สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) ร่วมกับสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) โดยการสนับสนุนจาก UNESCO และสหภาพยุโรป จัดประชุมเพื่อรับรองรายงานการประเมินความพร้อมด้านปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ของประเทศไทย (Readiness Assessment Methodology: RAM) ในวันที่ 6 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา โดยมีผู้แทนจากภาครัฐ ภาคเอกชน สถาบันการศึกษา และองค์กรระหว่างประเทศเข้าร่วมเพื่อร่วมกันทบทวนรายงาน และหารือข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในการพัฒนา AI ของประเทศไทยให้มีความยั่งยืนและสอดคล้องกับมาตรฐานสากล

UNESCO RAM ก้าวสำคัญในการพัฒนา AI ระดับโลก

AI เป็นเทคโนโลยีที่แพร่หลายในปัจจุบัน เพื่อตอบสนองต่อการเปลี่ยนผ่านสู่ยุค AI ยูเนสโกได้พัฒนาคำแนะนำว่าด้วยจริยธรรมของ AI โดยใช้ใน 194 ประเทศเมื่อปี 2021 ต่อมาในปี 2023 ยูเนสโกได้พัฒนาและเผยแพร่ระเบียบวิธีการประเมินความพร้อม (Readiness Assessment Methodology: RAM) เพื่อเป็นเครื่องมือช่วยให้แต่ละประเทศประเมินสถานะความพร้อมด้าน AI และวางแผนการดำเนินงานอย่างเป็นรูปธรรม โดยมุ่งเน้นผลลัพธ์ที่ยุติธรรม ยั่งยืน และครอบคลุม ซึ่งปัจจุบันมีการดำเนินโครงการดังกล่าวในกว่า 70 ประเทศทั่วโลก

สำหรับประเทศไทย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้จัดทำแผนปฏิบัติการด้านปัญญาประดิษฐ์แห่งชาติเพื่อการพัฒนาประเทศไทย พ.ศ. 2565–2570 ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2565 และมีคำสั่งแต่งตั้ง “คณะกรรมการปัญญาประดิษฐ์แห่งชาติ” (National AI committee) ในเดือนสิงหาคมในปีเดียวกัน

หลังจากประเทศไทยได้ดำเนินการตามแผนปฏิบัติการด้านปัญญาประดิษฐ์แห่งชาติมาครบ 2 ปี จึงเข้าสู่การประเมินความพร้อมตามกรอบยูเนสโก RAM ในครั้งนี้ ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม และทันท่วงทีต่อการระบุสถานะปัจจุบันของระบบนิเวศAI ในประเทศไทยอย่างครอบคลุม และออกแบบการดำเนินการเพิ่มเติมเพื่อให้ระบบนิเวศดังกล่าวมีความพร้อมมากขึ้น โดยมีการร่วมมือ และเป็นเจ้าของร่วมกันของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมด พร้อมทั้งกำหนดทิศทางไปสู่การใช้AIที่ถูกต้องตามจริยธรรม

ดร.ชัย วุฒิวิวัฒน์ชัย ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ

ดร.ชัย วุฒิวิวัฒน์ชัย ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ กล่าวเปิดงานและย้ำถึงความสำคัญของ RAM ในการเป็น “กระจกสะท้อน” ที่ทำให้ประเทศไทยสามารถมองเห็นสถานะความพร้อมและโอกาสในการพัฒนา AI อย่างเป็นระบบและมีจริยธรรม พร้อมระบุด้วยว่า RAM ถือเป็นกลไกสำคัญที่ยูเนสโกพัฒนาขึ้นเพื่อประเมินระดับความพร้อมของประเทศสมาชิกในการพัฒนา และใช้งานเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์อย่างรับผิดชอบ รวมทั้งคำนึงถึงหลักจริยธรรม โดยมุ่งเน้นให้ประเทศต่าง ๆ สามารถกำหนดแนวทางและนโยบายที่ตอบสนองต่อความต้องการของสังคมและเศรษฐกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Mr. Phinith Chanthalangsy, Regional Advisor for the Social and Human Sciences UNESCO

ขณะที่Mr. Phinith Chanthalangsy, Regional Advisor for the Social and Human Sciences ตัวแทนจากยูเนสโก ได้กล่าวถึงบทบาทของ RAM และการสนับสนุนให้ประเทศสมาชิกมีความพร้อมด้าน AI โดยเน้นย้ำถึงการพัฒนาอย่างยั่งยืน และการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนในยุคดิจิทัล

“RAM ไม่ได้เป็นเพียงการประเมินทางเทคนิค แต่ยังเป็นการสร้างจิตสำนึกทางจริยธรรมในการใช้ AI เพื่อให้เทคโนโลยีนี้สามารถอยู่ร่วมกับสังคมได้อย่างปลอดภัยและเป็นธรรม” Mr. Phinith ระบุ

สำหรับการประเมิน RAM นั้นครอบคลุม 5 มิติ ประกอบด้วย 1.มิติสังคมและวัฒนธรรม หรือการเข้าถึง AI อย่างเท่าเทียมและการลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม 2. มิติการศึกษาและวิทยาศาสตร์ หรือการพัฒนาทักษะและความรู้ด้าน AI ในทุกระดับ 3. มิติทางเศรษฐกิจ หรือการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลและการเติบโตของอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง 4. มิติโครงสร้างพื้นฐานและเทคโนโลยี หรือความพร้อมด้านดิจิทัลและโครงสร้างพื้นฐานที่รองรับการเติบโตของ AI และ5. มิติกฎหมายและการกำกับดูแล หรือการสร้างกรอบในการส่งเสริมการใช้งาน AI อย่างปลอดภัยและเป็นธรรม

ทั้งนี้ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับการประเมินความพร้อมด้าน AI ภายใต้กรอบ RAM โดยการประชุมครั้งนี้เปิดโอกาสให้ผู้แทนจากภาคส่วนต่าง ๆ ได้ร่วมกันทบทวนและพิจารณารายงานที่ได้จัดทำขึ้น เพื่อให้สามารถสะท้อนสถานะความพร้อมของประเทศได้อย่างแท้จริง

ประเทศไทยกับความก้าวหน้าภายใต้ RAM

ด้านดร. สลิลธร ทองมีนสุข นักวิชาการอาวุโส ทีดีอาร์ไอ กล่าวถึงผลการประเมินในครั้งนี้ว่า การประเมินภายใต้กรอบ RAM ทำให้ประเทศไทยสามารถระบุจุดแข็งทางโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลและเทคโนโลยีที่มีอยู่ รวมถึงความท้าทายเชิงนโยบายที่ยังต้องเร่งดำเนินการ ซึ่งข้อมูลเชิงลึกที่ได้จากการประเมินนี้ จะเป็นพื้นฐานสำคัญในการกำหนดนโยบายที่ชัดเจนและตอบสนองต่อการพัฒนา AI อย่างตรงจุด เพื่อให้ประเทศไทยสามารถก้าวทันการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจดิจิทัลในระดับสากล

ดร. สลิลธร ทองมีนสุข นักวิชาการอาวุโส สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ)

ดร. สลิลธร ระบุด้วยว่า จากการประเมินในครั้งนี้ ทำให้เห็นถึงความจำเป็นในการเสริมสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัลให้ครอบคลุม การลงทุนในงานวิจัยที่ตอบโจทย์อุตสาหกรรม และพัฒนาทักษะบุคลากรที่พร้อมรองรับการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัล และการมีสภาพแวดล้อมทางกฎหมายที่เอื้อต่อการพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อให้การพัฒนา AI ในประเทศไทยไม่เพียงแค่มีประสิทธิภาพ แต่ยังสามารถแข่งขันได้ในระดับโลก

เตรียมเสนอผลประเมินในการประชุม Global Forum on the Ethics of AI เวทีโลกที่ไทยเป็นเจ้าภาพ

การประชุมรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับผลการศึกษาและข้อเสนอแนะโดยผู้แทนแต่ละมิติ ประกอบด้วยดร.ศักดิ์ เสกขุนทด รศ. ดร.ธนาธร ทะนานทอง ผศ. ดร.อักฤทธิ์ สังข์เพ็ชร ดร.ชินาวุธ ชินะประยูร และดร.ปิยวุฒิ ศรีชัยกุล ดำเนินการเสวนาโดยดร.สลิลธร ทองมีนสุข

สำหรับผลการประเมินและการทบทวนจากการประชุมครั้งนี้จะถูกนำเสนอในเวทีระดับโลก “The 3rd UNESCO Global Forum on the Ethics of AI 2025” ซึ่งประเทศไทยเป็นเจ้าภาพร่วมกับยูเนสโกในเดือนมิถุนายน 2568 ที่กรุงเทพมหานคร โดยเวทีนี้จะรวบรวมผู้นำโลก ผู้เชี่ยวชาญด้าน AI และผู้กำหนดนโยบายจากประเทศสมาชิกของยูเนสโก เพื่อหารือความท้าทาย และโอกาสในการพัฒนา AI อย่างมีจริยธรรม พร้อมเร่งผลักดันให้นำนโยบายด้านจริยธรรม AI ของยูเนสโกไปสู่การปฏิบัติจริง ซึ่งการประชุมดังกล่าวจะเป็นการแสดงถึงความก้าวหน้าของประเทศไทยในด้าน AI แต่ยังเป็นการเปิดโอกาสให้ประเทศต่าง ๆ ได้แลกเปลี่ยนมุมมอง แนวคิด และแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุด (Best Practices) ในการพัฒนา และการใช้งาน AI อย่างยั่งยืนและปลอดภัย อันเป็นการแสดงศักยภาพของประเทศไทยในการผลักดัน AI อย่างมีจริยธรรมและยั่งยืนบนเวทีโลก

นักวิจัย

ดร. สลิลธร ทองมีนสุข
นักวิชาการอาวุโส

แชร์บทความนี้

เรื่องที่คุณอาจสนใจ

ดูทั้งหมด