รายงานฉบับสมบูรณ์ “การประยุกต์ใช้ปัญญาประดิษฐ์ทางธุรกิจในอุตสาหกรรมการผลิตและภาคส่วนอื่น ๆ ในประเทศไทย” โดยความร่วมมือของสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และบริษัท SAP บริษัทซอฟต์แวร์สำหรับองค์กร

การแพร่หลายของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ได้ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมต่างๆ ทั่วโลก โดยคาดว่า AI จะสร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจทั่วโลกสะสมมูลค่าสูงถึง 15.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2030 หรือคิดเป็น 3-5% ของ GDP โลก

ในแวดวงธุรกิจ มีการนำเทคโนโลยี AI มาใช้ในกระบวนการทางธุรกิจ เช่น ระบบอัตโนมัติ การวิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูง และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ผ่านการเรียนรู้ของเครื่องและการตัดสินใจด้วย AI

เฉพาะในอุตสาหกรรมการผลิต ตลาด AI ทั่วโลกมีมูลค่าอยู่ที่ 9.5 พันล้านดอลลาร์ในปี 2022 และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 230.5 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2034 โดยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยสะสมอยู่ที่ 42.4% อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการคาดการณ์การเติบโตเช่นนี้ แต่ยังมีความท้าทายอยู่มาก

ขณะที่ในบริบทของอุตสาหกรรมการผลิตของไทย การนำ AI มาใช้ถือเป็นโอกาสสำหรับภาคการผลิตของไทยในการเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต และส่งเสริมนวัตกรรม แม้จะมีศักยภาพสูง แต่อุปสรรคหลายประการยังคงมีอยู่ โดยเฉพาะความท้าทายด้านทรัพยากรบุคคล โครงสร้างพื้นฐาน และการลงทุน

คาดว่าอุตสาหกรรม AI ในประเทศไทยจะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยสะสมที่ 42.4% ในช่วงปี 2020-2030 และคาดว่าภาครัฐและเอกชนจะมีบทบาทสำคัญในการผลักดันให้เกิดการนำ AI ไปใช้อย่างกว้างขวางหากได้รับการสนับสนุนอย่างเหมาะสม

การนำ AI มาใช้ในภาคการผลิตจึงเป็นก้าวสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะภายใต้นโยบาย Thailand 4.0 ซึ่งตั้งเป้าให้ประเทศเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจฐานความรู้ภายในปี 2050 โดยมี AI เป็นหนึ่งในกลไกหลักของการเปลี่ยนผ่านนี้

คณะผู้วิจัย

ดร. สลิลธร ทองมีนสุข, ดร. นพรุจ จินดาสมบัติเจริญ, ดร.ทศพล ป้อมสุวรรณ, พชรพล บุญศรีโรจน์ และอัชราภรณ์ อริยสุนทร