สวัสดิการเด็กเล็ก…
ทำไมต้องถ้วนหน้า
ระบบสวัสดิการ เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้เกิดการคุ้มครองทางสังคม ซึ่งจะช่วยให้ประชาชนสามารถเข้าถึงปัจจัยที่จำเป็นต่อการดำรงชีพ และเข้าถึงโอกาสในการพัฒนาด้านต่างๆ เพื่อใช้ศักยภาพของตัวเองได้อย่างเต็มที่ เช่น ความช่วยเหลือจากความเจ็บป่วย ทุพพลภาพ ความช่วยเหลือเพื่อการดำรงชีพในวัยชรา การเข้าถึงปัจจัยต่างๆ ทั้งอาหาร การศึกษา ฯลฯ ในช่วงวัยเรียนและช่วงวัยเด็ก
แม้ที่ผ่านมาไทยพยายามสร้างระบบสวัสดิการถ้วนหน้าในหลายรูปแบบสำหรับทุกคนและทุกช่วงวัย เพราะ สวัสดิการถ้วนหน้า หมายถึง “สิทธิ” ที่เท่าเทียมกันที่ทุกคนจะได้รับการปกป้องคุ้มครองและพัฒนา ตามหลักการคุ้มครองทางสังคม แต่วัยเด็กเล็กซึ่งเป็นวัยที่สำคัญที่สุดและควรได้รับการลงทุนสวัสดิการทางสังคมมากที่สุด กลับมีสวัสดิการหรือการคุ้มครองทางสังคมเฉพาะกลุ่ม และยังไม่ถ้วนหน้า
ช่องว่างสวัสดิการ
ที่ไม่ถ้วนหน้า
ถ้าแบ่งชีวิตคนไทยตามช่วงอายุตั้งแต่เกิดจนสูงวัย รัฐพยายามจัดการสวัสดิการเพื่อตอบโจทย์ของแต่ละช่วงวัย และกว่า 10 ปีที่ผ่านมา ระบบสวัสดิการของไทยได้ตอบโจทย์ครอบคลุมอย่างถ้วนหน้าเกือบครบในทุกกลุ่มอายุแล้ว แต่สวัสดิการสำหรับกลุ่มเด็กเล็กยังไม่คลอบคลุมอย่างถ้วนหน้า
ที่ผ่านมา เด็กเล็กกลุ่มที่เข้าถึงสวัสดิการมีเพียงบุตรของผู้ประกันตนในระบบประกันสังคม ซึ่งจะได้รับเงินสงเคราะห์บุตรเดือนละ 600 บาทต่อบุตร 1 คน แต่ไม่เกิน 3 คน จนถึงอายุ 6 ปี (ช่วงเริ่มต้นโครงการ 400 บาท/เดือน)
จนกระทั่งปี 2558 รัฐบาลประกาศให้มีสวัสดิการเงินอุดหนุนสำหรับเด็กแรกเกิด เฉพาะเด็กในครัวเรือนยากจน หรือครัวเรือนที่เสี่ยงต่อความยากจน โดยรัฐจะจ่ายเงินให้กับผู้เลี้ยงดูเด็กอย่างสม่ำเสมอเป็นรายเดือน เงื่อนไขมีกำหนด คือ รายได้ผู้ได้รับสิทธิ์ต้องเป็นผู้เลี้ยงดูที่มีรายได้ไม่เกิน 32,000 บาทต่อคนต่อปี และปัจจุบัน (มีนาคม 62) รัฐบาลขยายเพิ่มจากเดิมอายุไม่เกิน 3 ปีเป็น 6 ปี โดยขยายฐานรายได้เป็นไม่เกิน 100,000 บาทต่อคนต่อปี
ทำให้สวัสดิการสำหรับเด็กเล็ก จึงไม่ได้มีให้อย่างถ้วนหน้า
![](https://tdri.or.th/wp-content/uploads/2019/03/child-2-01-1.png)
ระบบสวัสดิการสำหรับแต่ละช่วงอายุ
![](https://tdri.or.th/wp-content/uploads/2019/03/2-3.png)
0-6 ปี
เงินสงเคราะห์บุตรประกันสังคม 600 บาท/เดือน
หลักเกณฑ์
บุตรของผู้ประกันตนตั้งแต่แรกเกิดจนถึงอายุ 6 ปี จำนวนไม่เกิน 3 คน จะได้รับเงินสงเคราะห์บุตรเงินละ 600 บาทต่อคน
เงินอุดหนุนเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด 600 บาท/เดือน แบบเฉพาะกลุ่มคนจน
หลักเกณฑ์
1. สำหรับเด็กในครอบครัวยากจน หรือ เสี่ยงต่อความยากจน คือ ครัวเรือนที่สมาชิกในครอบครัว มีรายได้เฉลี่ยต่ำกว่า 100,000 บาทต่อคนต่อปี
![](https://tdri.or.th/wp-content/uploads/2019/03/3-2.png)
7-18 ปี
เรียนฟรีถ้วนหน้า 15 ปี
![](https://tdri.or.th/wp-content/uploads/2019/03/4-1.png)
19-59 ปี
ประกันสังคม และความช่วยเหลือด้านอื่น เช่น สวัสดิการสุขภาพ
![](https://tdri.or.th/wp-content/uploads/2019/03/5-1.png)
60 ปี
แรงงานในระบบ
บำเหน็จบำนาญชราภาพ
แรงงานนอกระบบ
เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 600-1,000 บาท /เดือน
“การลงทุนในเด็กปฐมวัยเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า
และให้ผลตอบแทนกับสังคมดีที่สุดในระยะยาว
โดยให้ผลตอบแทนกลับคืนมาในอนาคต 7-12 เท่า”
James J. Heckman, PhD
นักเศรษฐศาสตร์รางวัลโนเบล 2542
![](https://tdri.or.th/wp-content/uploads/2019/03/1111-1.png)
เมื่อวัยเด็กสำคัญที่สุด
ช่วงปฐมวัย หรือ 5 ขวบแรกของชีวิต เป็นช่วงโอกาสทองของมนุษย์ เพราะร่างกายและสมองจะเติบโตได้อย่างรวดเร็ว หากได้รับการดูแลอย่างเหมาะสมตามช่วงวัย ก็จะมีทักษะทางกายภาพ ความฉลาดทางสติปัญญา และความฉลาดทางอารมณ์ มีโอกาสประสบความสำเร็จด้านการศึกษา อาชีพการงาน เติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่และเป็นพ่อแม่ที่ดีในอนาคต และมีผลต่อลูกหลานในรุ่นต่อๆ ไป
แต่สภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันทำให้พ่อและแม่ต้องออกไปทำงาน จึงต้องมอบภาระการเลี้ยงดูไว้กับญาติหรือพี่เลี้ยง ซึ่งงานวิจัยพบว่า การที่เด็กไม่ได้อยู่กับพ่อแม่จะมีผลต่อการพัฒนาการด้านภาษา หรืออาจจะส่งผลต่อระดับการศึกษาของเด็กได้
โดยเฉพาะในไทยที่แรงงานส่วนใหญ่เป็นแรงงานนอกระบบประกันสังคม ซึ่งรายได้ค่อนข้างผันผวน ไม่มีความมั่นคงด้านรายได้ จึงควรได้รับความคุ้มครองความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
สวัสดิการเด็ก ผลไม่เล็ก
ได้สองเด้ง ช่วยเด็กเล็ก
เสริมสร้างบทบาทสตรีในครอบครัว
![](https://tdri.or.th/wp-content/uploads/2019/03/child-6-01.png)
ภาวะโภชนาการดี
เด็กที่ได้รับเงินอุดหนุนมีภาวะโภชนาการดีกว่า คือ ได้รับอาหารการกินที่ดีกว่าเด็กที่ไม่ได้รับเงิน มีน้ำหนัก ส่วนสูงดีกว่า รวมทั้งโภชนาการของเด็กคนอื่นๆ ในครัวเรือนก็ดีขึ้นด้วย
![](https://tdri.or.th/wp-content/uploads/2019/03/child-7.png)
เข้าถึงบริการสุขภาพ
เด็กที่ได้รับเงินอุดหนุนสามารถเข้าถึงบริการสุขภาพได้มากกว่าเด็กที่ไม่ได้รับเงิน เช่น มีเงินเป็นค่าเดินทางไปพบแพทย์หรือเข้ารับการฉีดวัคซีนตามนัดได้มากขึ้น
![](https://tdri.or.th/wp-content/uploads/2019/03/child-8.png)
สตรีมีโอกาสตัดสินใจทางการเงินในครอบครัวมากขึ้น
ช่วยเพิ่มความเข้มแข็งและความมั่นคงทางจิตใจให้กับผู้หญิง จากการได้รับเงินอุดหนุนฯ เป็นประจำ ทำให้ผู้หญิงมีอำนาจในการตัดสินใจใช้จ่ายเงินที่ได้รับมาเพื่อจัดหาอาหารและสิ่งของที่จำเป็นได้
![](https://tdri.or.th/wp-content/uploads/2019/03/mom-3.png)
แม่สุขภาพดี มีโอกาสให้นมลูกมากขึ้น
การได้รับเงินอุดหนุนเป็นประจำ ช่วยให้แม่มีเวลาอยู่กับลูกและมีเวลาให้นม ส่งผลถึงสุขภาพจิตใจ การที่แม่ไม่เครียด ทำให้สุขภาพดีมีน้ำนมมากขึ้น
ดี แต่ทำไม…ยังไม่ถ้วนหน้า
คนมักเชื่อว่า ให้สวัสดิการมาก คนจนจะไม่ทำงาน ?
แต่ความจริง คือ เงินสวัสดิการที่ให้เป็นจำนวนเงินที่ได้รับน้อยมาก ไม่สามารถชดเชยกับเงินที่จะได้จากการทำงาน แต่เป็นส่วนที่ช่วยเติมเต็มในส่วนที่ขาด เช่น เรื่องอาหารที่ไม่เพียงพอ ค่าเดินทางไปพบหมอ เป็นต้น
และมาตรฐานรายได้ขั้นต่ำของครัวเรือนในชนบทอยู่ที่ 5,399 บาทต่อคนต่อเดือน (จากผลการศึกษาโครงการนำร่องเพื่อกำหนดมาตรฐานรายได้ขั้นต่ำของประชากรไทย) ดังนั้นการให้เงินเพียง 600 บาท จึงไม่ถือเป็นจำนวนเงินที่มากพอจะทำให้คนจนรอแต่เงินสวัสดิการ และหยุดทำงาน
คนมักเชื่อว่า "ให้ของ" ดีกว่า "ให้เงิน" ?
การให้เงินทำให้ครอบครัวเลือกใช้จ่ายในเรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อตัวเด็ก (และอาจรวมสมาชิกอื่นในครอบครัว เช่น พี่ๆ ของเด็กเล็ก) ได้อย่างเหมาะสมกว่า เพราะสามารถนำเงินไปจับจ่ายสินค้าและบริการที่ตรงความต้องการที่ต่างกันได้ ในขณะที่การให้ของ ไม่สามารถตอบโจทย์ของครอบครัวที่มีปัญหาแตกต่างกันได้ และยังเป็นการเพิ่มภาระการบริหารจัดการของรัฐ ซึ่งอาจจะนำไปสู่ปัญหาการคอร์รัปชันได้
คนมักเชื่อว่า เด็กรวยไม่สมควรได้เงิน ?
ต้องยอมรับว่ารายได้ภาษีของรัฐบาลมาจากกระเป๋าคนรวยมากกว่า (รวมถึงภาษีมูลค่าเพิ่มก็มาจากกระเป๋าคนรวยไม่น้อยกว่า 70-80%) มองได้ว่าเงินอุดหนุนเด็กเป็นการคืนเงินภาษีให้คนรวย เป็นสิ่งที่ทุกฝ่ายจะได้ประโยชน์ เพราะมีส่วนช่วยป้องกันการตกหล่นของเด็กยากจนด้วยเช่นกัน
คนมักเชื่อว่า คนจนเอาเงินไปกินเหล้า ซื้อหวย ?
ผลการศึกษาหลายฉบับพบว่า เงินส่วนใหญ่ถูกนำไปใช้ด้านอาหาร การศึกษา และการรักษาพยาบาล และมีจำนวนน้อยมากเพียง 1-2% ที่จะนำไปใช้ในทางที่ผิด ส่วนหนึ่งเพราะพ่อแม่ย่อมรักลูกและอยากใช้เงินเพื่อลูก โดยเฉพาะแม่ซึ่งเป็นผู้รับเงินอุดหนุนเป็นหลัก
คนมักคิดว่า แจกเฉพาะคนจน ได้เยอะกว่า ?
จริง แต่การนำเงินส่วนที่ต้องให้คนรวยที่ไม่ได้ต้องการเงินอุดหนุน มาสมทบให้กับคนจนเพื่อให้ได้เงินมากขึ้น แต่ก็เทียบไม่ได้เลยกับการที่ต้องมีเด็กยากจนคนใดคนหนึ่ง ‘ตกหล่น’ จากเงินอุดหนุน เพราะไม่ว่าจะมีกระบวนการคัดเลือกดีเพียงได้ ต้องพบการ ‘ตกหล่น’ เสมอ
![](https://tdri.or.th/wp-content/uploads/2019/03/language-school-03.png)
‘ตกหล่น’
ปัญหาใหญ่ เมื่อ ‘ไม่ถ้วนหน้า’
มีเด็กยากจน
%
ตกหล่นจากการได้รับเงินอุดหนุน
ทำไมมีเด็กตกหล่น
ผลการศึกษาพบว่า ในเด็กยากจนทุก 100 คน จะมีเด็กไม่ได้รับเงินอุดหนุน 30 คน เพราะที่ผ่านมารัฐได้เริ่มนโยบายอุดหนุนเงินเด็กเล็ก โดยเลือกวิธีการให้เงินเฉพาะกลุ่มคนยากจน ซึ่งหมายถึงสมาชิกในครอบครัวต้องมีรายได้เฉลี่ยต่อหัวไม่เกิน 36,000 บาทต่อปี (ในช่วงที่ทำวิจัย) และต้องมีผู้รับรองและผ่านการอนุมัติการขอลงทะเบียน
ยิ่งกรองเข้ม ยิ่งตกหล่น
ยิ่งพยายามคัดกรองคนที่สมควรได้สวัสดิการเข้มงวดขึ้น (hard targeting) เพื่อลดจำนวน 30 % ที่ตกหล่น ยิ่งทำให้มีเด็กตกหล่นจากระบบคัดกรองมากขึ้น
รั่วไหล และ ตกหล่น
กระบวนการคัดกรองว่าครอบครัวใดจน ครอบครัวใดไม่จน ทำให้เด็กที่ไม่จนจริงได้รับสิทธิ์ ที่เรียกว่า รั่วไหล และ เกิดกรณี ‘เด็กยากจนตกหล่น’ เด็กในครอบครัวยากจนกลับถูกคัดออก โดยการตกหล่นนี้จะมีเสมอ
![](https://tdri.or.th/wp-content/uploads/2019/03/child-5-01.png)
แก้ตกหล่นดีสุด
ต้องถ้วนหน้า
หลายประเทศใช้
สวัสดิการถ้วนหน้า
ประเทศอุดหนุนเงินเด็กเล็กแบบถ้วนหน้า
เทียบ GDP ไทย กับ 32 ประเทศที่อุดหนุนเงินเด็กเล็กแบบถ้วนหน้า
ในการใช้ระบบสวัสดิการแบบถ้วนหน้า มักมีข้อกังวลว่าจะต้องใช้งบประมาณมาก และอาจจะมีเพียงประเทศพัฒนาแล้วเท่านั้นที่ทำได้
แต่หากพิจารณาจาก 32 ประเทศข้างต้น จะเห็นว่าไทยเองถือเป็นประเทศที่มี GDP ในระดับกลางเมื่อเทียบกับ 32 ประเทศนี้
และยังมีหลายประเทศที่แม้ GDP ต่ำกว่าไทย ก็ใช้ระบบสวัสดิการเด็กเล็กถ้วนหน้าแล้วเช่นกัน
ความเป็นไปได้ของไทย
![](https://tdri.or.th/wp-content/uploads/2019/03/child-10.png)
ใช้งบประมาณมาก?
การให้เงินแบบถ้วนหน้าสำหรับโครงการเงินอุดหนุนเด็กเล็ก งานวิจัยประเมินว่า ใช้เงินไม่เกิน 0.13% ของ GDP และแนวโน้มจะลดลงเรื่อยๆ ตามการเกิดที่น้อยลง และในปี 2572 จะใช้งบประมาณเพียง 0.1% ของ GDP
%
ของ GDP ปี 2572
![](https://tdri.or.th/wp-content/uploads/2019/03/666.png)
%
ตกหล่นจากการได้รับเงินอุดหนุน
![](https://tdri.or.th/wp-content/uploads/2019/03/child-13.png)
มีเพียงการให้ถ้วนหน้าเท่านั้นจึงจะทำให้อัตราการตกหล่นเหลือ
2-3% หรือกระทั่ง 0%
Learn More
คิดยกกำลัง2
การลงทุนเพื่อพัฒนาเด็กช่วงปฐมวัย ในทางเศรษฐศาสตร์มองว่าคุ้มค่าที่สุด เพราะจะได้ผลตอบแทนจากการลงทุนสูงกว่าในช่วงวัยอื่นๆ
ติดตามรายละเอียดและตัวอย่างการทดลอง พร้อมคำอธิบายเรื่องสมการพัฒนาคน เพื่อพัฒนาประเทศ ในคิดยกกำลังสอง ตอน “รอให้ถึงอนุบาล ก็สายเสียแล้ว” โดย ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ออกอากาศทางไทยพีบีเอส เมื่อ 15 พ.ค. 2560
สามารถติดตามการวิเคราะห์สถานการณ์และนโยบายเพื่อการพัฒนาประเทศ กับ ทีดีอาร์ไอ โดย ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ได้ทุกวันจันทร์ในรายการคิดยกกำลังสอง ทางสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส