‘เครือข่าย 2 เอา 2 ไม่เอา’ ต้านรัฐประหาร หนุนเลือกตั้ง

ปี2014-01-13

“เครือข่าย 2 เอา 2 ไม่เอา” แถลงต้านรัฐประหาร-ความรุนแรง หนุนเลือกตั้ง-ปฏิรูป แนะ”สุเทพ”หยุดเป่านกหวีด “ประยุทธ์”เลิกพูดปฏิวัติ

ผู้สื่อข่าวรายงาน ที่ห้องประกอบ หุตะสิงห์ ชั้น 3 ตึกอเนกประสงค์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ กลุ่มนักวิชาการ นักวิจัย เอ็นจีโอ อาทิ นายเสกสรรค์ ประเสริฐกุล นักวิชาการรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นายเกษียร เตชะพีระ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นายสมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศ นพ.สมศักดิ์ ชุณหรัศมิ์ เลขามูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ นายจอน อึ๊งภากรณ์ ผู้อำนวยการโครงการอินเตอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน นายศรีสมภพ จิตภิรมย์ศรี ผู้อำนวยการศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ภาคใต้ นายกฤษกร ศิลารักษ์ ตัวแทนจากลุ่มขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม(พีมูฟ) นายชัยวัฒน์ สถาอานันท์ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รวมตัวแถลงข่าว ในนามเครือข่าย “สองเอา สองไม่เอา” … คัดค้านรัฐประหาร คัดค้านความรุนแรงทุกรูปแบบ เคารพการใช้สิทธิเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ ปฏิรูปบนวิถีทางประชาธิปไตย

ทั้งนี้ เครือข่าย “สองเอา สองไม่เอา” คัดค้านรัฐประหาร คัดค้านความรุนแรงทุกรูปแบบ เคารพการใช้สิทธิเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ ปฏิรูปบนวิถีทางประชาธิปไตย ได้ออกแถลงการณ์จุดยืน

นายเสกสรรค์ กล่าวภายหลังแถลงการณ์ ว่า ตนขอพูดในนามพลเมือง ไม่ได้เป็นตัวแทนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ที่ต้องการเห็นบ้านเมืองเจริญ เมื่อมีสถานการณ์ที่ทำให้สังคมไทยไม่สามารถรักษาความปราถนาอันสมถะไว้ได้ ตนจึงขอเข้ามามีส่วนร่วม ทั้งนี้การยกระดับสังคมเป็นเส้นทางปกติของมนุษย์ หรือการพยายามปฏิรูปสังคมที่เราสังกัดก็มีมาเป็นหลายร้อยปี แต่กระแสการปฏิรูปตอนนี้จึงไม่ใช่ของใหม่ เป็นเรื่องที่ต้องยอมรับให้สังคมมาปรับความสมดุลอีกครั้ง ซึ่งการปฏิรูปทำไมต้องปฏิรูปในกรอบประชาธิปไตย เพราะองค์ประกอบในระบอบประชาธิปไตย ทั้งการเลือกตั้ง เสรีภาพ ก็มาจากการปฏิรูป ในอดีตก็มีการเสียเลือดเสียเนื้อ จึงต้องยอมรับว่าเป็นต้นทุนที่เรามีอยู่แล้ว

นายเสกสรรค์ กล่าวต่อว่า ต้องยอมรับการปฏิรูปประเทศจะมีคนไทยรับผลกระทบด้านบวกและด้านลบ มีคนได้เปรียบและเสียเปรียบ หรือมีความขัดแย้งในทุกขั้นต้อนทั้งมิติการเมือง เศรษฐกิจ การศึกษา ดังนั้นการปรับปรุงสังคมต้องระมัดระวัง คงไม่สามารถออกนอกกรอบประะชาธิปไตย เพราะจะนำไปสู่การกระทบกระทั่ง จึงต้องมีกระบวนการหาฉันทามติ โดยการเลือกตั้งเป็นจุดสำคัญของภาครัฐ และภาคสังคมให้มาทำงานประสานกันเพื่อประโยชน์กับคนหมู่มาก เริ่มจากรัฐบาลที่ต้องได้ฉันทามติก่อน และต้องมีการรับฟังจากคนข้างล่าง โดยกระบวนการปฏิรูปจำเป็นต้องอาศัยกรอบประชาธิปไตยที่ต้องปราศจากความรุนแรง

“เวลานี้สังคมไทยกำลังเดินอยู่บนปากปล่องภูเขาไฟ จึงต้องมีสติ ไม่ให้ตัวเองพลัดตกหลุมไปได้ สภาพบ้านเมืองตอนนี้ไปคนละทิศละทาง ประชาชนว้าเหว่ เหมือนไม่มีคนคุ้มครอง ดังนั้นหากประชาชนป้องกันตัวเองจะเป็นเรื่องน่ากลัว ตอนเรายังมีเวลาหลีกเลี่ยงสภาพเช่นนั้น แต่ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงนอกระบบขึ้นมาจริงๆ จะไม่มีใครคุมสถานการณ์ได้ ไม่ว่าจะเป็นคนทำรัฐประหาร หรือภาคประชาชน ตอนนั้นจะรู้ว่าใครมีปฏิกิริยาอย่างไร จะเป็นสภาพที่อันตราย และกอบกู้ได้ยากลำบาก”นายเสกสรรค์ กล่าว

นายจอน กล่าวว่า ตั้งแต่ตนเกิดมาไม่เคยคิดว่าสังคมไทยจะอันตรายเท่าวันนี้ เป็นเรื่องวิตกกังวลมาก จึงอยากให้ความขัดแย้งถูกแก้ไขโดยได้ความยุติธรรมทุกฝ่าย ขณะนี้เรามีความขัดแย้งระหว่างคนที่ไม่มีความเชื่อเรื่องเลือกตั้งที่ต้องการปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง กับกลุ่มคนที่คิดว่าต้องยึดกติกาที่มีอยู่ อีกทั้งมีความขัดแย้งระหว่างกลุ่มคนที่เสมือนอยากจะตั้งรัฐบาลตัวเองขึ้นมา กับอีกฝ่ายไม่ได้หลงรักรัฐบาลปัจจุบันแต่ต้องรักษากติการปัจจุบันไว้ก่อน ซึ่งจุดร่วมพวกเราในที่นี้แม้จะมีความเห็นหลากหลาย แต่ต้องรักษากติกาที่มีอยู่เพื่อหลีกเลี่ยงการนองเลือด แต่ถ้าบุคคลที่เห็นต่างมาทำกิจกรรมร่วมกันจะนำไปสู่ความมสงบในสังคมไทย เช่น เรื่องการปฏิรูปประเทศ อาจจะพบว่าจะมีจุดร่วมที่ทำได้

“ที่ผ่านมามีความเห็นการไม่ยอมรับต่อกฎหมายนิรโทษกรรม ก็เป็นจุดร่วมที่เกิดกันอย่างกว้างขวาง แต่กลับไม่มีจุดร่วมกันกับกฎเกณฑ์ที่มีอยู่ วันนี้ผมมาเพื่อบอกว่าคนไทยต้องอยู่ร่วมกันไปอีกนาน สามารถมีชีวิตที่มีความสงบสุข ไม่ต้องการเห็นการนองเลือดกกันได้”นายจอน กล่าว

ด้านนพ.สมศักดิ์ กล่าวว่า เราต้องทำให้สังคมนำไปสู่การปฏิรูปให้ได้ และเชื่อว่าเป็นความต้องการหลาย ๆ ฝ่าย โดยเมื่อพูดการปฏิรูปเป้าหมายเพื่อประชาชน ต้องให้เป็นเรื่องที่ชาวบ้านได้เปรียบ ต้องให้เป็นปรระชาธิปไตยที่ชาวบ้านกินได้ ไม่ใช่ประชาธิปไตยของพรรค โดยเมื่อมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งนั้น แต่ถ้าประชาชนไม่มีส่วนร่วมการปฏิรูปจริง ๆ ก็จะไม่เกิด เราจึงต้องมาช่วยให้เกิดกลไกสร้างการมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง โดยไม่ใช้สภาตัวแทน นอกจากนี้ การปฏิรูปต้องเริ่มได้ทันที ไม่ต้องรอกลไกรัฐ จึงเชื่อว่าจะเริ่มกระบวนการปฏิรูปได้ โดยให้กลุ่มนี้เป็นกลุ่มเปิดให้มาช่วยกันคิดและช่วยกันทำ ทั้งนี้ ที่พวกเรามาร่วมกันวันนี้ก็เป็นสัญญาณเล็ก ๆ ว่าสังคมจะรวมกันได้ แต่ขอให้มีความหวังให้ผ่าช่วงเวลาแห่งความลำบากตอนนี้

นายศรีสมภพ กล่าวว่า ตนขอพูดในนามที่เคยผ่านเหตุการณ์ความรุนแรงในภาคใต้ในรอบ 10 ปี มีผู้เสียชีวิต 5 พันกว่าคน โดยบทเรียกจากการแก้ปัญหา มีความหมายอยู่ 3 คำ 1.ประชาธิปไตย 2.ความยุติธรรม และ 3.สันติภาพ ความรุนแรงจะลดลง โดยเห็นว่าประสบการการต่อสู้ทางความคิดจะช่วยจากการผ่านกระบวนการประชาธิปไตย หรือการมีส่วนร่วมทางความคิด ทำให้เกิดพื้นที่กลาง หรือพื้นที่สาธารณะ ซึ่งรัฐบาลที่มาจากาการเลือกตั้งทุกชุดก็มีส่วนขับเคลื่อนแนวทางนี้ ทำให้เห็นว่าประชาธิปไตยจึงเป็นหลักประกันประชาชนในสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐาน ทั้งนี้ เชื่อว่าการเลือกตั้งจะเป็นหลักประกันที่ดีที่สุดในการสร้างความยุติธรรม ไม่ใช้ความรุนแรง

ขณะที่นายกฤษกร กล่าวว่า ทุกครั้งที่มีความขัดแย้งทางการเมือง คนจนจะถูกอ้างเป็นกลุ่มแรก ไม่ว่าจะเป็นจากรัฐบาลหรือกปปส. แต่เราก็จะเป็นคนกลุ่มแรกที่ถูกลืม ไม่ว่าใครจะได้เข้าสู่อำนาจ มาวันนี้ก็ยังอ้างเราว่าจะเปลี่ยนแปลงประเทศเพื่อประชาชนน แต่ที่ผ่านมาเราไม่เคยได้รับอานิสงค์จากการกล่าวอ้าง เราเจ็บปวดกับการอ้างที่หลอกลวง แต่ก็อดทน ที่ผ่านมาการเรียกร้องกับทุกรัฐบาลก็หลีกเลี่ยงความรุนแรง เพราะความรุนแรงไม่ใช่สิ่งที่เราปราถนา อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าประชาธิปไตยต้องปรับปรุง แต่การแก้ไขต้องเป็นไปตามครรลอง โดยจะใช้วิธีนอกกติกาไม่ได้ เพราะเชื่อว่าวิธีการนอกระบบไม่มีหลักประกันว่าจะได้กติกาที่สมบูรณ์ได้

“คู่ขัดแย้งอย่าอ้างประชาชน จะต้องหาทางยุติความขัดแย้งของคู่ขัดแย้งทั้งสองฝ่าย เพื่อเดินหน้าประเทศไทยไปด้วยกัน”นายกฤษกร กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้าเกิดความรุนแรง และรัฐประหารเกิดขึ้น เครือข่ายจะทำอย่างไร หรือยากบอกอะไรกับบุคคุล 4 คนนี้ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการกปปส. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมตรี และพ.ต.ท.ทักษิณ​ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี

นายเกษียร กล่าวว่า สำหรับตนถ้าตนจะบอก 4 คน ก็ขอให้นายสุเทพเคารพการใช้สิทธิเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ ถ้าจะบอกพล.อ.ประยุทธ์ ก็ขอคัดค้านการรัฐประหาร ส่วนน.ส.ยิ่งลักษณ์กับพ.ต.ท.ทักษิณขอให้ปฏิรูปประชาธิปไตยและคัดค้านความรุนแรงทุกรูปแบบ โดยนายสุเทพต้องหยุดเป่านกหวีดก่อน เพื่อจะได้ยินเสียงต่าง ส่วนพล.อ.ประยุทธ์ต้องพูดการรัฐประหารให้น้อยลง หรือไม่พูดเลย ส่วนน.ส.ยิ่งลักษณ์ และพ.ต.ท.ทักษิณ ต้องหยุดการฟังคนในพรรคลงบ้าง เพื่อหันไปฟังเสียงประชาชนให้มากขึ้น ถึงแม้ตอนนี้น.ส.ยิ่งลักษณ์ฟังเสียงมากขึ้นในการปฏิรูป แต่บุคคลที่จะเข้ามาปฏิรูปก็เหมือนคลื่นเรดาห์ของน.ส.ยิ่งลักษณ์ยังไม่ตอบโจทย์ตอนนี้

“ต้องหาตลาดความคิดที่กว้างที่สุดสำหรับสีแดง สีเหลือ สีสลิ่ม หรือทุกสีให้มาออกความเห็นในตลาดนัดนี้ ให้คนในสังคัมได้คุยกัน ให้พรรคการเมืองมาฟังชาวบ้าน ให้เป็นเวทีสังคมทุกสีมีอะไรไปคุยกันที่นั่น เป็นที่นัดพบสังคมกับนักการเมือง ถ้าทำสำเร็จเราไม่ต้องแบ่งสีตีกัน”นายเกษียร กล่าว

ส่วนนายชัยวัฒน์ กล่าวว่า ความรุนแรงที่ต้องเป็นห่วงคือความรุนแรงเชิงกายภาพ ตอนนี้มีปัจจัยเสี่ยง 3 เรื่อง 1.ก่อนมีความรุนแรง 2.ระหว่างที่มีความรุนแรง และ 3.หลังมีความรุนแรง โดยเมื่อ 40 ปีก่อนสังคมยังมีบาดแผล โดยตอนนี้คนจำนวนหนึ่งไม่อยากให้ทุกคนหมดหวังกับสังคมไทย ใครคิดอะได้ก็อยากเสนอทางออกให้สังคม ไม่วิ่งไปสู่ความรุนแรง ทุกคนมาด้วยความเป็นห่วงต่อคนรุ่นต่อไป หลายคนเห็นประสบการณ์ของบ้านเมือง ทางเครือข่าย 2 เอา 2 ไม่เอา กำลังบอกว่าสังคมไทยว่าเราดีกว่านี้ได้ ทั้งนี้ ทุกคนบนเวทีเป็นมิตร แต่ละคนยืนอยู่บนจุดยืนของตัวเอง แต่ข้อที่เห็นพ้องต้องกันคือ ไม่เอารัฐประหาร ไม่เอาความรุนแรง เอาเลือกตั้ง เอาปฏิรูป

ด้านนายสมเกียรติ กล่าวว่า ไม่ว่าความคิดจะต่างกันอย่างไร จะต้องอยู่ด้วยกันจะไม่สามารถจำกัดอีกฝ่ายออกไปได้ การปฏิวัติหรือการเลือกตั้ง ทางออกมีอยู่ทางเดียวคือต้องเคารพประชาธิปไตย ถ้านายสุเทพ น.ส.ยิ่งลักษณ์ หรือพ.ต.ท.ทักษิณได้อำนาจไป โปรดเคารพเสียงข้าง้อย นอกจากนี้ สังคมต้องเรียนรู้สังคมอีกฝี่งหนึ่ง ให้เข้าใจกับคนเสื้อแดงที่ไม่ได้รับความยุติธรรหลายเรื่อง ส่วนคนเสื้อแดงต้องเข้าใจการคับข้องใจของคนกรุงเทพฯ ว่าเขาไม่พอใจกับเสียงข้างมากลากไป

ผู้สื่อข่าวถาม จากข้อเรียกร้องเอาไม่เอา รูปธรรมที่ต่อเนื่องทางเครือข่ายจะเดินไปยื่นข้อเรียกร้องทั้งหมดต่อมือนายสุเทพ กับน.ส.ยิ่งลักษณ์โดยตรงหรือไม่ นายชัยวัฒน์ส่ายหน้าพร้อมกับกล่าวว่า “ไม่ยื่น จะยื่นกับประชาชน”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับรายชื่อองค์กรและบุคคลสนับสนุนแนวทางเครือข่าย 2 เอา 2 ไม่เอา อาทิ สมัชชาปกป้องประชาธิปไตย สมัชชาคนจน มูลนิธิยุติธรรมเพื่อสันติภาพ มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน ส่วนระดับบุคคล อาทิ พระไพศาล วิสาโล นายนิธิ เอียวศรีวงศ์ นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือบก.ลายจุด นายจะเด็จ เชาวน์วิไล จากกลุ่มโลกสวยเพื่อการปฏิรรูปและเครือข่ายภาคประชาสังคม นางอังคณา นีละไพจิตร จากมูลนิธิยุติธรรมเพื่อสันติภาพ เป็นต้น


เผยแพร่ครั้งแรก: กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ วันที่ 10 มกราคม 2557 ในชื่อ “เครือข่าย2เอา2ไม่เอาต้านรัฐประหารหนุนเลือกตั้ง”