วิกฤตเศรษฐกิจจากสถานการณ์โควิด-19 ได้ส่งผลกระทบโนตรงต่อเศรษฐกิจในภาคส่วนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นภาคการผลิต ภาคการค้า และภาคบริการ ซึ่งโดยทั่วไปที่เกิดวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจในประเทศไทย ภาคเกษตรมักเป็นที่รองรับผู้ที่ไม่มีงานทำ คนที่ตกงานและกลับบ้านไปหาเลี้ยงชีพด้วยวิถีการเกษตร
อย่างไรก็ดี ภายใต้สถานการณ์โควิด-19 ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจภาคเกษตรเช่นเดียวกัน จากการสำรวจพบว่า ส่วนใหญ่มีปัญหาด้านการตลาด ราคาผลผลิตตกต่ำ ส่งผลให้รายได้ลดลง โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศถูกปิดตัวลง ทำให้ราคาผลผลิตลดต่ำลง อีกทั้งช่องทางการขนส่งเกิดความติดขัดและล่าช้า จากการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ห้ามเดินทางข้ามพื้นที่ตอนกลางคืน เกษตรกรบางรายที่มีบริการขนส่งสินค้าด้วยตนเองก็ต้องหยุดการขนส่ง ทั้งเนื่องจากการห้ามเดินทางและความกังวลเรื่องโอกาสที่จะติดเชื้อโควิด-19 เมื่อผลผลิตที่ออกมาขายได้น้อย ผลผลิตจึงเกิดการเน่าเสีย
ในส่วนของแรงงานคืนถิ่น ที่แรงงานตกงานจากภาคการผลิตและภาคบริการ กลับสู่ภูมิลำเนาของตน ในช่วงแรกพบว่า แรงงานคืนถิ่นสามารถกลับไปช่วยทำการเกษตรในครัวเรือนของตนเองได้ อย่างไรก็ดี จากการสำรวจพบว่า แรงงานคืนถิ่น ส่วนใหญ่จะมีทักษะความสามารถด้านการเกษตรต่ำ เนื่องจากเมื่อเรียนจบการศึกษาก็จะออกจากชุมชนไปหางานทำทันที จึงไม่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ด้านการเกษตรมากนัก ส่งผลให้ Productivity ในการทำเกษตรของครัวเรือนลดลง ขณะที่ในบางราย อาจกลับไปเป็นภาระทางเศรษฐกิจของครัวเรือน
ปัจจุบัน ในครัวเรือนเกษตร รุ่นพ่อแม่แม้จะมีอายุมากขึ้นก็ยังคงทำอาชีพเกษตรกรรมอยู่ โดยอาจจะปรับเปลี่ยนวิธีการทำการเกษตรโดยการจ้างมากขึ้น ขณะที่รุ่นลูกออกไปทำงานนอกพื้นที่ เพื่อส่งเงินกลับมาให้ครอบครัว นับเป็นการกระจายความเสี่ยงด้านอาชีพของคนในครัวเรือน และจากข้อมูลสำนักวิจัยเศรษฐกิจ พบว่า รายได้ครัวเรือนเกษตรกรมากกว่าร้อยละ 70 มาจากผู้ที่ออกจากบ้านไปทำงานนอกภาคเกษตรและส่งเงินกลับมายังครัวเรือน เนื่องจากการทำงานในภาคนอกเกษตรสามารถสร้างรายได้โดยเฉลี่ยได้สูงกว่าการทำงานในภาคเกษตร ดังนั้น เมื่อผู้ที่ตกงานไม่สามารถส่งเงินกลับมาให้ครอบครัวได้ จึงทำให้รายได้ในครัวเรือนเกษตรลดลง และค่าใช้จ่ายในการอุปโภคบริโภคในครัวเรือนเพิ่มสูงขึ้น
ตารางที่ 1: รายได้-รายจ่าย และหนี้สินของครัวเรือนเกษตร
หน่วย : บาท/ครัวเรือน
รายการ | ปี 2560 | ปี 2561 | ปี 2562 |
1. รายได้เงินสดเกษตร | 160,932 | 197,373 | 204,066 |
2. รายจ่ายเงินสดเกษตร | 101,957 | 122,890 | 125,462 |
3. รายได้เงินสดสุทธิเกษตร (1-2) | 58,975 | 74,483 | 78,604 |
4. รายได้เงินสดนอกเกษตร | 148,346 | 172,667 | 190,845 |
5. รายได้เงินสดสุทธิครัวเรือน (3+4) | 207,321 | 247,150 | 269,449 |
6. การอุปโภค-บริโภค | 141,221 | 175,094 | 182,034 |
7. เงินสดคงเหลือก่อนชำระหนี้ (5-6) | 66,100 | 72,056 | 87,414 |
8. หนี้สินครัวเรือน (บาท/ครัวเรือน) | 123,454 | 150,636 | 221,490 |
8.1 ในเกษตร (ร้อยละ) | 54.96 | 56.90 | 55.44 |
8.2 นอกเกษตร (ร้อยละ) | 45.04 | 43.10 | 44.56 |
– เพื่อการศึกษา (ร้อยละ) | 4.62 | 4.75 | 5.23 |
– เพื่ออุปโภคบริโภค (ร้อยละ) | 31.66 | 36.98 | 25.87 |
– บ้าน/ที่ดิน/ทรัพย์สินอื่นๆ นอกเกษตร (ร้อยละ) | 63.72 | 58.27 | 68.91 |
รวม (ร้อยละ) | 100.00 | 100.00 | 100.00 |
ที่มา: สำนักวิจัยเศรษฐกิจการเกษตร
โครงการช่วยเหลือเกษตรกรจำนวน 15,000 บาทต่อ 3 เดือน เมื่อรวมกับการเยียวยาผู้ตกงาน อาจจะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนทางเศรษฐกิจได้ในระดับหนึ่งในช่วงระยะเวลาสั้นๆ แต่หากสถานการณ์โควิด-19 กลายเป็นปัญหาระยะยาวแล้ว ผู้คืนถิ่นไม่สามารถกลับไปทำงานนอกภาคเกษตรเพื่อหารายได้ได้เหมือนเดิม ครัวเรือนเกษตรซึ่งไม่สามารถแบกรับผู้คืนถิ่นได้นาน จะเป็นการยิ่งซ้ำเติมครัวเรือนเกษตรให้แย่ลงกว่าเดิม
บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของ
โครงการประเมินผลกระทบของโควิด-19 ต่อสังคมและเศรษฐกิจ
สนับสนุนโดย สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.)
โดย คณะวิจัย TDRI
22 เมษายน 2563